สาดคำแรง! แทค ภรัณยู ออกโรงปกป้องลิซ่า ฟาด Azealia Banks ไม่ไว้หน้า
"ลิซ่า BLACKPINK" ถูกเหยียดเพศ-เชื้อชาติ! คนบันเทิงไทยรวมพลังตอกกลับ "อาซีเลีย แบงค์ส" ดุเดือด! "แทค ภรัณยู" ฟาดไม่ยั้ง: "Eช้างx*ด อย่าหาทำ!"
กลายเป็นดราม่าระดับโลกที่ลุกลามอย่างรวดเร็วบนโซเชียลมีเดีย เมื่อ “อาซีเลีย แบงค์ส” (Azealia Banks) แร็ปเปอร์สาวชาวอเมริกัน ซึ่งมีประวัติดราม่าอย่างโชกโชน ออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียพาดพิงถึง "ลิซ่า ลลิษา มโนบาล" สมาชิกวง BLACKPINK สาวไทยคนเก่งที่สร้างชื่อเสียงระดับโลก ด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมอย่างรุนแรง
อาซีเลียกล่าวหาว่าลิซ่ามีลักษณะคล้ายผู้ชาย มีลูกกระเดือก เหมือน "กะเทย" และยังแซะถึงคนไทยในลักษณะเหยียดหยามเชื้อชาติอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้แฟนคลับของลิซ่าทั่วโลก รวมถึงชาวไทยจำนวนมาก เดือดปุดๆ กับการกระทำที่ไม่ให้เกียรติทั้งบุคคลและประเทศชาติ
อาซีเลีย แบงค์ส: ศิลปินเจ้าปัญหา กับประวัติดราม่ายาวเป็นหางว่าว
อาซีเลีย แบงค์ส ไม่ใช่ชื่อแปลกใหม่ในวงการดราม่า เพราะเธอเคยมีประวัติการเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ เหยียดเพศคนอื่นมาแล้วหลายครั้ง แม้จะมีผลงานเพลงที่บางคนยกย่องว่ามีความเป็นตัวของตัวเองและความสามารถเฉพาะตัว แต่เธอก็มักถูกกลบด้วยพฤติกรรมสุดโต่ง ขาดความเคารพผู้อื่น
กรณีล่าสุดที่เธอจงใจโจมตีลิซ่า BLACKPINK ไม่เพียงแต่สร้างความไม่พอใจในหมู่แฟนเพลงเท่านั้น แต่ยังเรียกกระแสต้านจากคนดังในวงการบันเทิงไทยอีกหลายราย
ลิซ่า BLACKPINK: ตัวแทนคนไทยบนเวทีโลก
"ลิซ่า" หรือ ลลิษา มโนบาล ไม่เพียงแต่เป็นศิลปินหญิงชาวไทยที่ประสบความสำเร็จที่สุดบนเวทีสากล แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยจำนวนมาก ความสามารถของเธอ การเติบโตในวง BLACKPINK และการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ได้รับการยอมรับในระดับโลกจากแฟนเพลงและศิลปินนานาชาติ
การที่บุคคลหนึ่งจะก้าวสู่ระดับโลกในวงการบันเทิง โดยเฉพาะในวงการ K-Pop ที่การแข่งขันสูงนั้นไม่ง่าย และยิ่งลิซ่าเป็นชาวต่างชาติในวงการ K-Pop ที่เต็มไปด้วยชาวเกาหลี ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างยิ่งยวดของเธอ
ดังนั้น คำพูดของอาซีเลียแบงค์สที่เหยียดเชื้อชาติและเพศสภาพเช่นนั้น จึงถือเป็นการดูหมิ่นทั้งในระดับบุคคลและวัฒนธรรม
"แทค ภรัณยู" ฟาดแหลก! พร้อมเทียบยอดฟอลโลว์แบบไม่ไว้หน้า
อีกหนึ่งคนบันเทิงไทยที่ออกมาปกป้องลิซ่าอย่างถึงพริกถึงขิงก็คือ “แทค ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม” นักแสดงหนุ่มชื่อดังที่มีบุคลิกตรงไปตรงมา เขาได้โพสต์ข้อความลงอินสตาแกรมสตอรี่ พร้อมเทียบ “ยอดฟอลโลว์” ระหว่างลิซ่าและอาซีเลียแบงค์ส โดยกล่าวว่า
“สวรรค์ - นรก มีคนตามเท่ากูก่อนเนอะ เป็นผู้หญิงที่กูอยากจะด่ามาก Eช้างเxด (ขอโทษแต่กับ E นี้เกินไป) เห็นหลายโพสต์ละ มันเกินไปจริงๆ”
พร้อมกับใส่อีโมจิ "อ้วก" และแท็กไปยังบัญชีของอาซีเลียแบงค์สโดยตรง ถือเป็นการตอกกลับแบบไม่อ้อมค้อม สมสไตล์แทค ที่หลายคนต่างชื่นชมในความกล้าแสดงออกและความจริงใจ
กระแสโซเชียลลุกเป็นไฟ: คนไทยทั้งประเทศรวมพลัง #RespectLisa
ทันทีที่โพสต์ของอาซีเลียแพร่กระจายออกไป ชาวเน็ตไทยต่างก็พร้อมใจกันติดแฮชแท็ก #RespectLisa และ #SayNoToRacism จนขึ้นเทรนด์ X (Twitter) ภายในเวลาไม่นาน หลายคนแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งที่เห็นศิลปินไทยถูกรังแกบนเวทีสากล
แม้จะไม่มีการตอบโต้อย่างเป็นทางการจากลิซ่าเอง (ซึ่งเธอมักหลีกเลี่ยงการตอบโต้ด้วยอารมณ์) แต่ความเคลื่อนไหวจากเพื่อนร่วมวงการและแฟนคลับถือเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่
เรื่องนี้สอนอะไร? ประเด็น “วัฒนธรรมเหยียด” และความสำคัญของการมี Empathy
กรณีนี้ไม่ใช่แค่ดราม่าดารากับดารา แต่มันสะท้อน “ปัญหาความไม่เข้าใจในวัฒนธรรม” และ “การใช้คำพูดเหยียดหยาม” ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในวงการบันเทิงโลก
คำพูดของอาซีเลีย ไม่เพียงแต่ทำร้ายลิซ่าในฐานะบุคคล แต่ยังทำร้ายภาพลักษณ์ของศิลปินผิวสีที่ต่อสู้กับการเหยียดมาโดยตลอด การที่เธอซึ่งเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่เคยถูกเหยียด กลับเหยียดผู้อื่นเสียเอง ถือเป็นการย้อนแย้งอย่างน่าหดหู่
ขณะเดียวกัน เรื่องนี้ยังทำให้เห็นว่าคนไทยหลายคนเริ่มตระหนักถึงการปกป้องเกียรติของคนในชาติ ไม่ยอมให้บุคคลใดมาเหยียดหยามอีกต่อไป
เมื่อ “ความรัก” กลายเป็น “เกราะ” ให้ศิลปิน
ความรักจากแฟนคลับทั่วโลกและชาวไทยที่มีต่อลิซ่า เป็นเหมือนเกราะคุ้มกันที่ช่วยผลักดันเธอให้เดินหน้าต่อไปในเส้นทางศิลปิน แม้จะต้องเผชิญกับคำดูถูกแค่ไหนก็ตาม ลิซ่าเคยกล่าวไว้ว่า เธอภูมิใจในความเป็นคนไทย และไม่เคยปิดบังรากเหง้าของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
การที่บุคคลหนึ่งสามารถสร้างชื่อเสียงระดับโลก ขณะที่ยังคงความอ่อนน้อม ถ่อมตน และไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ถือเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การยกย่องอย่างแท้จริง
สุดท้ายนี้ ดราม่าระหว่างอาซีเลีย แบงค์ส และลิซ่า BLACKPINK กลายเป็นบทเรียนสำคัญให้สังคมได้ตระหนักถึงพลังของคำพูด การไม่เหยียดผู้อื่น และการแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจต่อกัน
แม้จะมีเสียงด่าทอจากคนดังไทยอย่างตรงไปตรงมา แต่สิ่งที่ทุกคนทำก็คือการลุกขึ้นมา “ปกป้อง” คนของเรา คนที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในระดับโลก
เพราะสุดท้ายแล้ว “เสียงของคนจำนวนมาก” ย่อมดังกว่าคำพูดเหยียดหยามจากใครเพียงคนเดียว























