พูดแบบนี้ได้ไง! สาวอิสราเอลเจอดราม่า “เหยียดไทย” ทัวร์ไทยถล่มยับ
นางแบบอิสราเอลดราม่าหนัก! หลุดคำพูดเหยียดคนไทยกลางเกาะพะงัน – ชาวโซเชียลเดือด ชี้ "ขอโทษก็ไม่พอ"
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกออนไลน์ที่สั่นสะเทือนไปทั้งโซเชียลไทยและต่างประเทศ หลังเกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวสาวชาวอิสราเอลรายหนึ่งมีปากเสียงกับพนักงานร้านอาหารบนเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยสิ่งที่จุดไฟดราม่าครั้งนี้ให้ลุกโชนคือคำพูดที่ถูกมองว่า “เหยียดคนไทย” และ “ไม่ให้เกียรติเจ้าบ้าน” ซึ่งหลุดออกจากปากของหญิงสาวรายนี้อย่างไม่คาดคิด
จุดเริ่มต้นของความเดือด: “เงินของฉันสร้างประเทศคุณได้”
ในคลิปความยาวประมาณ 14 วินาทีที่ถูกเผยแพร่บนอินสตาแกรมและแชร์ต่ออย่างรวดเร็วบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ นักท่องเที่ยวหญิงรายหนึ่ง ซึ่งภายหลังถูกระบุว่าเป็น Kesem Cohen นางแบบสาววัย 20 ปีจากอิสราเอล มีการโต้เถียงกับพนักงานร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยมีเสียงของพนักงานพูดว่า:
"กลับประเทศคุณไปเลย ที่นี่ไม่ต้อนรับ"
ซึ่งหญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า:
"ขอโทษทีนะ แต่เงินของฉันสร้างประเทศคุณได้"
ประโยคดังกล่าวจุดชนวนความไม่พอใจทันที ผู้คนในโลกออนไลน์ต่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน โดยมองว่าเป็นคำพูดที่แสดงความ “ดูถูก” ประเทศไทยอย่างรุนแรง และแสดงถึงทัศนคติที่ไม่ให้เกียรติผู้อื่นอย่างชัดเจน
ขอโทษแล้ว แต่ชาวเน็ตยังไม่ให้อภัยง่าย ๆ
หลังจากดราม่าระเบิด Kesem Cohen ได้ออกมาชี้แจงและขอโทษผ่านวิดีโอที่โพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัว โดยระบุว่าเธอเพิ่งปลดประจำการจากกองทัพอิสราเอล และในวันเกิดเหตุนั้น อยู่ในภาวะเครียดจึงอาจพูดหรือแสดงออกโดยไม่ยั้งคิด โดยในคำขอโทษเธอกล่าวว่า:
"ฉันขอโทษกับทุกคนที่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ฉันพูด ฉันเสียใจจริง ๆ เพราะคำพูดของฉันได้ทำร้ายจิตใจของคนไทย ซึ่งเป็นคนที่ฉันรักมาก"
เธอยังเล่ารายละเอียดว่า จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์เกิดจากเธอใส่รองเท้าเข้าไปในร้านกาแฟ ซึ่งเจ้าของร้านอนุญาต แต่มีแขกอีกคนมาตำหนิเธอเสียงดัง โดยกล่าวหาว่าชาวอิสราเอลไม่เคารพวัฒนธรรมไทย ทำให้เธอรู้สึกอับอาย และเกิดการปะทะทางวาจาจนหลุดคำพูดดังกล่าว
ชาวไทย “หัวร้อน” – วิจารณ์หนักถึงพฤติกรรมไม่เคารพเจ้าบ้าน
แม้เธอจะออกมาขอโทษ แต่กระแสสังคมในไทยยังคงรุนแรง หลายคนมองว่าเป็นเพียง “คำพูดขอโทษตามมารยาท” ที่ไม่ได้แสดงถึงความสำนึกอย่างแท้จริง คอมเมนต์บนโซเชียลเต็มไปด้วยเสียงตำหนิอย่างหนักหน่วง เช่น
“คำพูดแบบนี้สะท้อนทัศนคติที่ลึกกว่าการหลุดปาก”
“แค่เงินไม่ใช่ข้ออ้างให้ใครมาดูถูกประเทศเราได้”
“หากเคารพวัฒนธรรม ก็ควรศึกษาก่อนไปต่างประเทศ”
ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานจากต่างประเทศบางรายก็ร่วมวิจารณ์ว่า การแสดงออกของเธอเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของนักท่องเที่ยวอิสราเอลโดยรวม พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดคนประเภทนี้จึงยังได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในประเทศอื่น
เบื้องหลังดราม่า: แค่รองเท้า... หรือมากกว่านั้น?
ตามรายงานข่าวจาก TRT World สื่อจากตุรกี ระบุว่า นักท่องเที่ยวรายนี้ไม่เพียงแค่ใส่รองเท้าเข้าร้าน แต่ยังสูบบุหรี่ในพื้นที่ที่ห้ามสูบอีกด้วย ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎของสถานที่และไม่ให้เกียรติผู้ประกอบการในท้องถิ่น
เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงช่องว่างของ “ความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรม” ที่นักท่องเที่ยวบางคนอาจละเลย โดยเฉพาะในประเทศที่มีขนบธรรมเนียมชัดเจนเช่นประเทศไทย การกระทำเล็ก ๆ อย่างการถอดรองเท้า อาจสะท้อนความเคารพ หรือในทางกลับกัน หากละเลย ก็กลายเป็นการดูหมิ่นวัฒนธรรมได้เช่นกัน
คนไทยใจดี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้ใครดูถูก
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะจากชาติยุโรปและตะวันออกกลาง คนไทยมีชื่อเสียงเรื่อง “ความใจดีและอัธยาศัยดี” แต่เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า เมื่อเจอพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ชาวไทยก็พร้อมจะลุกขึ้นมาตอบโต้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของชาติ
คำพูดอย่าง “เงินของฉันสร้างประเทศคุณได้” ไม่เพียงแต่สะท้อนความหยิ่งผยอง แต่ยังลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเจ้าบ้านให้เหลือเพียงผู้รับเงิน นักท่องเที่ยวบางรายอาจลืมไปว่า การท่องเที่ยวไม่ใช่แค่การใช้เงิน แต่คือการเรียนรู้และให้เกียรติวัฒนธรรมในดินแดนที่เราเดินทางไปเยือน
บทเรียนสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก
จากเหตุการณ์นี้ มีหลายแง่มุมที่ควรถูกหยิบยกมาทบทวน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวทุกคน ไม่ว่าจะมาจากประเทศไหน:
1. ศึกษาวัฒนธรรมเจ้าบ้านก่อนเสมอ – ข้อห้ามหรือธรรมเนียมที่เราไม่คุ้นเคย อาจเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมนั้น
2. เงินไม่ใช่คำขอโทษ – อย่าคิดว่าการเป็นลูกค้าหรือจ่ายเงินมากจะมีสิทธิเหนือใคร
3. การสื่อสารในโลกออนไลน์เร็วและแรง – คลิปเพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถเปลี่ยนชีวิตใครบางคนได้ทันที
ทางการไทยควรเอาจริง?
แม้จะยังไม่มีรายงานว่าทางการไทยมีท่าทีอย่างไรต่อกรณีนี้ แต่มีเสียงเรียกร้องจากประชาชนจำนวนมากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เข้ามาตรวจสอบและหามาตรการรับมือกับนักท่องเที่ยวที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพื่อรักษาภาพลักษณ์และศักดิ์ศรีของประเทศ
สรุป
ดราม่า “เงินฉันสร้างประเทศคุณได้” ไม่ใช่เพียงเรื่องของคำพูดหลุดปาก แต่มันสะท้อนมุมมองลึกของความสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวกับเจ้าบ้านในยุคที่โลกเปิดกว้าง คนไทยพร้อมเปิดใจและต้อนรับเสมอ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะยอมให้ใครมาดูถูกหรือข้ามเส้นความเคารพโดยไม่มีผลตามมา







