วงการมวยเศร้า“จั่นเจา ศิษย์เจ๊ปุ๋ย” นักมวยดัง เสียชีวิต หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้า
อุทาหรณ์จาก “จั่นเจา ศิษย์เจ๊ปุ๋ย” สู่การสูญเสียที่ไม่มีวันหวนกลับ เพราะบุหรี่ไฟฟ้า เสียงเตือนจาก “เก่ง สยาม” นักร้องหนุ่มผู้สูญเสียเพื่อนรัก
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา โลกออนไลน์ต้องสะเทือนใจอีกครั้ง เมื่อ “เก่ง สยาม” หรือ นายธีรภัทร บุตรรักษ์ นักร้องเสียงดีจากอำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี ได้ออกมาโพสต์เล่าเหตุการณ์สุดเศร้า หลังต้องสูญเสียเพื่อนรัก “จั่นเจา ศิษย์เจ๊ปุ๋ย” อดีตนักมวยชื่อดัง ซึ่งเสียชีวิตด้วยวัยเพียงไม่นานจากอาการติดเชื้อในกระแสเลือดที่มีต้นเหตุมาจาก “การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างหนัก”
เรื่องราวของจั่นเจาไม่ได้เป็นเพียงการจากไปของใครคนหนึ่ง แต่คือบทเรียนอันล้ำค่าที่อาจเปลี่ยนชีวิตใครหลายคนได้ หากเพียงได้อ่าน รับรู้ และตระหนักถึงความจริงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเราโดยไม่รู้ตัว
จากนักมวยร่างกายแข็งแรง สู่ผู้ป่วยหนักที่ไร้ทางรอด
เก่ง สยาม เล่าว่า จั่นเจาเคยเป็นนักมวยที่ฟิตร่างกายสม่ำเสมอ ทั้งต่อยมวย เตะบอล วิ่งออกกำลังกาย ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีประวัติเคยป่วยหนัก ไม่เคยเข้าโรงพยาบาล แต่สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตเขาโดยสิ้นเชิงคือ “บุหรี่ไฟฟ้า”
จั่นเจาเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยความเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ “ปลอดภัยกว่า” บุหรี่มวน และเป็นของทันสมัย มีรสชาติต่างๆ ที่ดูเหมือนไม่อันตราย ทั้งยังเข้าถึงง่าย แต่ใครจะรู้ว่า ความสะดวกนั้น กลับแลกมาด้วย “ชีวิต”
เก่งเล่าว่า ช่วงแรกเพื่อนก็มีอาการไอธรรมดา ๆ คล้ายเป็นหวัด แต่พอเข้าสู่ช่วงเดือนเมษายน ปี 2568 อาการกลับเริ่มรุนแรงขึ้นแบบก้าวกระโดด จั่นเจาเริ่มมีไข้สูง ไอหนัก หายใจเหนื่อย จนสุดท้ายต้องตัดสินใจไปพบแพทย์ เมื่อทำการเอ็กซเรย์ปอด หมอก็พบว่า "ปอดขาวหมดแล้ว" ซึ่งแปลว่าเนื้อปอดถูกทำลายจนแทบไม่เหลือพื้นที่ใช้งาน
จากนั้น อาการก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว ถูกนำตัวส่งเข้าห้องไอซียูทันที พบภาวะปอดอักเสบรุนแรง เกร็ดเลือดต่ำ ติดเชื้อในกระแสเลือด ไตเริ่มล้มเหลว และในที่สุดมีโรคแทรกซ้อนอย่างวัณโรคตามมา แม้แพทย์จะพยายามยื้อชีวิตสุดความสามารถ แต่สุดท้าย จั่นเจาก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบในวันที่ 4 พฤษภาคม 2568
คำพูดสุดท้ายจากเพื่อนรัก: เสียงเตือนจากคนที่ยังอยู่
เก่ง สยาม ได้โพสต์ข้อความที่สะเทือนใจ พร้อมกับขอใช้พื้นที่บนโลกออนไลน์ในการส่งต่อเรื่องราวของเพื่อนรักให้เป็นอุทาหรณ์กับคนรุ่นใหม่ โดยเขาระบุว่า
“ตอนนี้เพื่อนผมมันลุกขึ้นมาบอกใครไม่ได้แล้ว ผมขอเป็นกระบอกเสียงแทนเพื่อนผม... การจากไปของเขาครั้งนี้ ถ้าทำให้หลายๆ คนเลิกสูบได้ ก็ยังดีต่อสังคมครับ เลิกได้เลิกนะครับ ผมเองก็เคยสูบ ตอนนี้เลิกขาดทุกอย่างแล้ว”
นี่ไม่ใช่คำเตือนจากโฆษณา หรือหน่วยงานใด ๆ แต่มาจาก “เพื่อน” ที่ได้เห็นการเจ็บปวดของคนที่รักที่สุด กับสองตาของตัวเอง
บุหรี่ไฟฟ้า: ทางเลือกที่ดูปลอดภัย แต่จริง ๆ แล้ว...อันตรายกว่าที่คิด
หลายคนยังเข้าใจผิดว่า บุหรี่ไฟฟ้า “ปลอดภัยกว่า” บุหรี่มวน เพราะไม่มีการเผาไหม้ ไม่มีควันเหม็น ไม่มีน้ำมันดิน แต่ในความเป็นจริง “ไอน้ำ” ที่ปล่อยออกมานั้น เต็มไปด้วยสารเคมีอันตรายหลากหลายชนิด เช่น
นิโคติน: ทำให้เสพติด และส่งผลต่อระบบประสาทและหัวใจ
โพรพิลีนไกลคอล และกลีเซอรีน: เมื่อผ่านความร้อนจะเกิดสารพิษที่สามารถทำลายเยื่อบุปอดได้
สารแต่งกลิ่นรส: ที่บางชนิดก่อให้เกิดภาวะอักเสบเรื้อรังในปอด
ไม่เพียงเท่านั้น การสูดดมสารเหล่านี้เข้าไปต่อเนื่องทุกวัน มีผลสะสมระยะยาวที่อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD), มะเร็งปอด, โรคหัวใจ รวมถึงการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเกิดขึ้นกับจั่นเจานั่นเอง
บุหรี่ไฟฟ้าในหมู่วัยรุ่น: รูปลักษณ์ที่ทันสมัย แต่หลอกลวงด้วยภาพลักษณ์
อีกหนึ่งเหตุผลที่บุหรี่ไฟฟ้ายังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น คือการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ “ดูดี ทันสมัย” เหมือนแกดเจ็ตแฟชั่นมากกว่าสิ่งเสพติด กลิ่นหอม หลากรสชาติ แถมยังหาซื้อได้ง่ายในตลาดมืด หรือผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้คนจำนวนมากโดยเฉพาะวัยรุ่น หลงกลและเริ่มใช้โดยไม่รู้ตัว
หลายคนเริ่มจากความ “อยากลอง” จนกลายเป็น “ติด” และเมื่อร่างกายเริ่มพัง ก็ยากเกินจะหวนกลับไปเหมือนเดิม
ข้อคิดและคำแนะนำจากเคส “จั่นเจา”: เลิกก่อนสายไป
1. อย่าหลงเชื่อคำโฆษณา ที่บอกว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่า – ความ “น้อยกว่า” ไม่ได้แปลว่า “ไม่อันตราย”
2. สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอเรื้อรัง เหนื่อยง่าย หรือแน่นหน้าอก ควรรีบพบแพทย์ อย่าปล่อยไว้
3. หากเลิกเองไม่ได้ ควรหาความช่วยเหลือ ปัจจุบันมีคลินิกและหน่วยงานช่วยเลิกบุหรี่มากมาย
4. พูดคุยกับคนใกล้ตัว ชักชวนให้คนรอบข้างหันมาใส่ใจสุขภาพก่อนจะสายเกินไป
ชีวิตคนเราเปราะบางกว่าที่คิด และคำว่า “ไม่เป็นไรหรอก” อาจกลายเป็นคำสุดท้ายที่คุณได้พูดกับตัวเอง
กรณีของจั่นเจา ศิษย์เจ๊ปุ๋ย เป็นเครื่องเตือนใจที่ชัดเจนว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ และผลกระทบจากการใช้มันอย่างต่อเนื่องสามารถพรากชีวิตคนที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้ในระยะเวลาอันสั้น หากคุณหรือคนรอบตัวยังสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ วันนี้อาจเป็นวันที่เหมาะที่สุดในการ “เลิก” ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป
เลิกได้ = ชีวิตรอด เลิกวันนี้ = มีพรุ่งนี้ให้ใช้ชีวิต


















