เสียชีวิตแล้ว! เหยื่อเหตุปูนตกใส่รถ พระราม 2 เจ็บสาหัสก่อนดับสลด
สุดสลด! ปูนหล่นใส่รถกระบะบนถนนพระราม 2 คนขับเสียชีวิต เสียงเรียกร้องถึงความปลอดภัยในโครงการก่อสร้าง
เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจขึ้นบนถนนพระราม 2 ซึ่งกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว เมื่อปูนขนาดใหญ่ ที่คาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการก่อสร้างทางด่วนพระราม 2 หล่นจากที่สูงลงมากระแทกเข้าที่บริเวณหน้ารถกระบะ ซึ่งกำลังแล่นอยู่บนท้องถนน โดยเหตุการณ์นี้ส่งผลให้ นายอำนาจ อายุ 46 ปี คนขับรถกระบะ ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงอัดกระแทกอย่างรุนแรง
แม้เจ้าหน้าที่กู้ภัยและรถพยาบาลจะเร่งนำตัวนายอำนาจส่งโรงพยาบาลทันทีหลังเกิดเหตุ และทีมแพทย์ได้ทำการผ่าตัดช่วยชีวิตอย่างสุดความสามารถ ทว่าในเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันเดียวกัน นายอำนาจก็ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ ท่ามกลางความโศกเศร้าของภรรยา น้องชายและเพื่อนๆ ที่มาเฝ้ารอหน้าห้องฉุกเฉินด้วยความหวัง
เหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น – ความผิดพลาดที่แลกด้วยชีวิต
จากการสอบสวนเบื้องต้นและภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าขณะเกิดเหตุ รถกระบะของนายอำนาจกำลังขับอยู่ในช่องจราจรปกติ ทันใดนั้นได้มีวัตถุปูนขนาดใหญ่หล่นลงมาจากโครงสร้างด้านบนซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แรงกระแทกจากวัตถุดังกล่าวทะลุกระจกหน้ารถเข้าไปในห้องโดยสารอย่างรุนแรง จนเกิดการกระทบกระเทือนภายในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณตับที่ฉีกขาด และมีเลือดออกในช่องท้องจำนวนมาก
ทีมแพทย์เผยว่า อาการของนายอำนาจรุนแรงเกินกว่าจะรักษาได้ทันเวลา แม้จะได้ทำการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อควบคุมภาวะเลือดออก แต่สุดท้ายเขาก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ครอบครัวผู้เสียชีวิตใจสลาย – น้องชายร่ำไห้โผกอดร่างพี่ชาย
หนึ่งในภาพที่สะเทือนใจที่สุดของเหตุการณ์นี้ คือภาพของน้องชายและภรรยาของนายอำนาจ ซึ่งอยู่ในอาการช็อกเมื่อทราบข่าวร้าย น้องชายและเพื่อนๆ ที่รีบรุดมายังโรงพยาบาลหลังได้รับแจ้ง ต่างคาดหวังว่าจะได้เจอเขาอีกครั้ง แม้จะอยู่ในสภาพบาดเจ็บ ทว่าความจริงที่ได้รับกลับกลายเป็นฝันร้ายเมื่อแพทย์เดินออกมาพร้อมข่าวการเสียชีวิต
เสียงร่ำไห้ ความโศกเศร้า และคำถามที่ไม่มีใครตอบได้ว่า “ทำไมต้องเกิดขึ้นกับคนดีๆ แบบนี้” ก้องอยู่ทั่วบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน ภรรยาและครอบครัวต่างสะเทือนใจอย่างถึงที่สุด เนื่องจากนายอำนาจเป็นเสาหลักของครอบครัว และเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง
กระแสสังคมลุกฮือ – วิจารณ์ความปลอดภัยในโครงการก่อสร้าง
เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายความไม่พอใจในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะผู้ใช้ถนนพระราม 2 ซึ่งต่างแสดงความหวาดกลัวต่อการใช้เส้นทางที่มีการก่อสร้างควบคู่กับการเปิดให้รถวิ่ง
หลายเสียงเรียกร้องให้มีการตรวจสอบมาตรการความปลอดภัยในโครงการก่อสร้างของรัฐและเอกชนอย่างเข้มงวด มีการตั้งคำถามถึงการวางแผนงานและการควบคุมอุปกรณ์ก่อสร้าง ว่ามีมาตรฐานหรือไม่ ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำซากในหลายพื้นที่ของประเทศไทย
โดยมีชาวเน็ตบางรายโพสต์ภาพก่อนเกิดเหตุว่า บริเวณดังกล่าวไม่มีสัญญาณเตือน ไม่มีแผงกั้นอย่างชัดเจน บางช่วงเวลาไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงอย่างยิ่ง
เหตุการณ์ในอดีตที่คล้ายกัน – บทเรียนที่ไม่ได้เรียนรู้?
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น ในอดีตเราเคยเห็นข่าวคานปูนถล่มในช่วงสร้างทางด่วน สะพานลอย หรือแม้แต่แผ่นเหล็กปลิวตกใส่รถชาวบ้าน ซึ่งหลายกรณีจบลงด้วยการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน แต่เหตุใดปัญหาเช่นนี้ยังเกิดขึ้นซ้ำซาก?
หลายฝ่ายมองว่า การบริหารจัดการของผู้รับเหมา หรือการตรวจสอบความปลอดภัยจากหน่วยงานภาครัฐยังขาดความจริงจัง และหละหลวมในหลายขั้นตอน ส่งผลให้เกิด “ความผิดพลาดที่แลกด้วยชีวิต” อย่างที่เห็นในวันนี้
ข้อเรียกร้องจากประชาชน – ต้องมีคนรับผิดชอบ
เสียงจากประชาชนและครอบครัวผู้สูญเสีย ต่างเรียกร้องให้มีผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้อย่างชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่คำขอโทษหรือเงินชดเชยที่ไม่สามารถทดแทนชีวิตคนได้ ควรมีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้โดยละเอียด และลงโทษผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหากพบว่าเป็นความประมาท
นอกจากนี้ ยังควรมีการทบทวนแนวทางการออกแบบการก่อสร้างในพื้นที่ที่ยังเปิดให้ประชาชนใช้งานได้ เพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมในอนาคต
เสียงจากเพื่อนร่วมงาน – “อำนาจเป็นคนดี และไม่ควรจากไปแบบนี้”
เพื่อนร่วมงานของนายอำนาจเผยว่า เขาเป็นคนทำงานหนัก ซื่อสัตย์ และรักครอบครัวมาก แม้ไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อภรรยาและลูกๆ การจากไปของเขาจึงไม่ใช่เพียงความสูญเสียของครอบครัว แต่คือการสูญเสียของคนที่เป็นแบบอย่างให้สังคม
ถึงเวลาทบทวนความปลอดภัยของชีวิตคนไทย
ชีวิตของคนคนหนึ่งไม่ควรถูกพรากไปเพียงเพราะความประมาทของใครบางคน หรือความล้มเหลวในระบบบริหารจัดการ วันนี้ครอบครัวหนึ่งต้องสูญเสียหัวหน้าครอบครัว เพียงเพราะปูนก้อนหนึ่งที่ไม่ควรหล่นลงมา
หวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่กลายเป็นเพียงข่าวหน้าแรกในหนึ่งวัน แล้วจางหายไปพร้อมกับความเศร้า แต่จะกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงในระบบการก่อสร้างเมืองไทย
ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของนายอำนาจ ผู้จากไปโดยไม่ควรต้องจาก


