แม่ค้าอ่องมันปูโวย! ถูก “แม่ปูนา ฟ้าใส” เบี้ยวหนี้กว่า 4.5 แสนบาท หลังเคยร่วมงานกันนานนับปี
แม่ค้าอ่องมันปูรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ขอความเป็นธรรมผ่านเฟซบุ๊ก หลังอ้างว่าถูก "แม่ปูนา" หรือ "แม่บีม ปูนาฟ้าใส" เบี้ยวหนี้สินค้าที่สั่งไปขายเป็นเงินรวมกว่า 455,845 บาท พร้อมระบุว่าเคยเป็นคู่ค้าทางธุรกิจส่งอ่องมันปูให้กันมายาวนานกว่า 7-8 ปี ตั้งแต่แม่ปูนายังไม่โด่งดังในชื่อ “ปูนาฟ้าใส” และเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด แต่เมื่ออีกฝ่ายกลายเป็นที่รู้จักในสื่อ กระแสกลับเปลี่ยน และตนเองกลับต้องแบกรับภาระหนี้จำนวนมากโดยไร้การติดต่อชำระจากอีกฝ่าย
จากพาร์ตเนอร์ธุรกิจ สู่เจ้าหนี้จำเป็น
คุณนา (นามสมมุติ) เจ้าของโพสต์ดังกล่าว เปิดใจกับ ข่าวสดออนไลน์ ว่า ตนเองเริ่มทำธุรกิจอ่องมันปูส่งให้กับแม่ปูนาเมื่อหลายปีก่อน โดยมีระบบสั่งสินค้าเป็นลอตต่อล็อต จ่ายเงินล็อตเก่าแล้วจึงสั่งล็อตใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาใด ๆ จนกระทั่งหลังยุคโควิด-19 ที่เศรษฐกิจเริ่มซบเซา ทำให้ยอดค้างชำระสะสมเพิ่มขึ้น
เมื่อแม่บีม ปูนาฟ้าใส ได้ไปออกรายการ โหนกระแส เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2567 เพื่อทวงหนี้คุณจั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม ก็เกิดกระแสสนับสนุนอย่างล้นหลาม ผู้คนแห่อุดหนุนสินค้าอ่องมันปูของเธอ ทำให้มียอดสั่งซื้อจากทางแม่บีมเข้ามาจำนวนมาก และคุณนาก็เร่งผลิตเพื่อส่งของตามออร์เดอร์ โดยหวังว่าหลังจากยอดขายดี แม่บีมจะนำเงินมาเคลียร์หนี้เก่าที่ค้างไว้
ยอดโอนมาผิดจังหวะ ยอดเก่าค้าง ยอดใหม่บีบให้ส่ง
คุณนาเผยว่า แม้จะมีการโอนเงินจากแม่บีมเข้ามาเรื่อย ๆ แต่เงินที่ได้รับไม่ใช่ยอดเก่าที่ค้างไว้ หากเป็นเงินเพื่อสั่งของรอบใหม่ ซึ่งทำให้ยอดค้างเก่าสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ และแม้คุณนาจะเคยทวงถาม แต่อีกฝ่ายกลับอ้างว่าสินค้ามีปัญหา ไม่มีคุณภาพ และขายไม่ได้ แต่ไม่เคยส่งสินค้าคืนหรือแสดงหลักฐานใด ๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เหตุผลที่คุณนายังส่งของให้ต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้ยอดเต็ม เพราะหวังว่าความสัมพันธ์ที่เคยดีจะนำไปสู่การเคลียร์หนี้ในภายหลัง อีกทั้งยังมีแรงกดดันทางใจเมื่อเห็นว่าแม่บีมเคยออกสื่อเพื่อทวงหนี้คนอื่น ตนจึงคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเข้าใจหัวอกคนค้างเงิน แต่กลับกลายเป็นว่า ตนเองที่เป็นผู้เสียหายต้องจมอยู่กับภาระหนี้สินเพียงลำพัง
คำพูดสุดท้ายก่อนหายตัว: “ขอหนีเข้าธรรมชาติ”
ความหวังที่จะได้รับการชำระเงินเริ่มเลือนราง เมื่อแม่บีมติดต่อมาล่าสุดโดยบอกว่า “ขอหนีเก็บเสื้อผ้าสองสามตัวหนีไปทางธรรมชาติ” หลังจากโอนเงินให้ครั้งสุดท้ายเพียง 10,000 บาท เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 และหายตัวไปอีกครั้ง
ก่อนหน้านั้น แม่บีมเคยติดต่อให้ส่งของไปขายที่งาน ครัวคุณต๋อย ที่หาดใหญ่ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2567 แต่ก็ยังโอนเงินมาไม่ครบตามจำนวนสินค้า ติดหนี้เพิ่มขึ้นอีก ทั้งยังมีการข่มขู่ว่า หากไม่ยอมส่งของตามกำหนด จะนำค่าปรับหรือค่าเสียหายจากครัวคุณต๋อยมาหักหนี้ที่แม่บีมติดไว้ ซึ่งทำให้คุณนาจำใจต้องส่งของต่อแม้จะขาดทุน
แม่ค้าร่ำไห้ ต้องเป็นหนี้-รถโดนยึด ขณะที่อีกฝ่ายกลับโด่งดัง
คุณนาเปิดเผยว่า ภาระหนี้ที่เกิดขึ้นทำให้ชีวิตล้มละลาย รถที่ใช้ทำงานต้องโดนยึด ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อหมุนเงินจ่ายค่าจ้างคนงาน ทั้งที่ตนเป็นเพียงแม่ค้าตัวเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำของดี ๆ ให้ลูกค้า และไม่คิดว่าจะได้รับการปฏิบัติแบบนี้จากคนที่เคยร่วมธุรกิจด้วยกันมายาวนาน
เธอฝากถึงแม่บีมว่า “ถ้าคุณได้เงินจากการขายของที่ฉันทำให้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย อย่างน้อยก็เห็นใจคนที่อยู่ต้นทางบ้าง คนที่ส่งของให้จนคุณเป็น ‘ปูนาฟ้าใส’ คุณร่ำรวย แต่คนทำของกลับติดลบ ชีวิตกลับแย่ลงเพราะคุณ”
ขอโอกาส...ให้คนตัวเล็กได้ตั้งหลักใหม่
ท้ายที่สุด คุณนาไม่ได้หวังให้แม่บีมจ่ายหนี้ทั้งหมดในทันที แต่ขอเพียงให้ออกมาเคลียร์ และเริ่มต้นชำระในสิ่งที่ควรเป็นของคนทำงานให้จริง ๆ ไม่ใช่หายตัวไปหรือพูดเพียงว่าขอหนีธรรมชาติ โดยไม่มีความรับผิดชอบใด ๆ
“แค่อยากได้เงินคืนจากน้ำพักน้ำแรงของเรา ไม่ใช่ความสงสาร แต่อยากให้เห็นความจริงใจ ว่าคุณยังเห็นค่าของคนที่ทำให้คุณมีวันนี้”
เรื่องนี้ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประจำที่เคยสนับสนุนสินค้าแม่ปูนาฟ้าใส ต่างออกมาตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบ และความจริงเบื้องหลังคำว่า “ของไม่มีคุณภาพ” ที่ถูกอ้างโดยไร้หลักฐาน

















