เปลี่ยนแพมเพิสไม่ทันเสร็จ! 18 ล้อชนสนั่น SUV กลางมอเตอร์เวย์ ดับ 8 เจ็บ 3 ราย
สลดใจ! อุบัติเหตุสยองบนมอเตอร์เวย์สาย 7 รถบรรทุกพ่วงพุ่งชนอัดก๊อปปี้รถ SUV ดับ 8 ศพ เด็กเล็กไม่รอด เจ็บอีก 3 ราย
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่บนถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 ขาออกมุ่งหน้าจังหวัดชลบุรี ช่วงกิโลเมตรที่ 23+300 ตำบลศีรษะจรเข้น้อย อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นเหตุสลดที่สะเทือนใจประชาชนทั้งประเทศ เมื่อรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อชนท้ายรถยนต์ SUV ยี่ห้อเชฟโรเลต แคปติวา สีขาว แล้วดันไปอัดก๊อปปี้ท้ายรถบรรทุกอีกคัน ส่งผลให้ผู้โดยสารในรถ SUV เสียชีวิตทันทีถึง 8 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กเล็กรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถยนต์ SUV ถูกอัดจนตัวรถพังยับเยิน แทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิม ด้านในมีผู้เสียชีวิตรวม 8 ราย เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างเพื่อช่วยนำร่างออกมาอย่างทุลักทุเล
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผู้เสียชีวิตประกอบด้วย เด็กหญิงวัยประมาณ 2-3 ขวบ เด็กชายวัยประมาณ 10 ขวบ หญิงวัยกลางคน หญิงสูงอายุ และชายที่นั่งตำแหน่งคนขับ โดยมีรายงานว่าพบร่างผู้เสียชีวิตบางส่วนที่ยังไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ได้ชัดเจน จำเป็นต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียดจากนิติเวชของสถาบันรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์
มีผู้รอดชีวิตเพียง 3 ราย บาดเจ็บสาหัส
ผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์สลดนี้มีเพียง 3 คน โดย 2 คนแรกเป็นหญิงอายุประมาณ 18 ปี และเด็กหญิงอายุประมาณ 12 ปี ซึ่งบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 ส่วนอีกรายคือคนขับรถบรรทุกพ่วงที่เป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุ นายเสน่ห์ ดอกตะเคียน อายุ 60 ปี ซึ่งติดอยู่ในซากหัวรถพ่วง ต้องใช้เครื่องตัดถ่างช่วยนำตัวออกมา และนำส่งโรงพยาบาลเช่นกัน
จากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ คือคนขับรถบรรทุกน้ำมันพืช ที่รถของเขาถูกอัดจากท้ายรถ SUV เผยว่า ตนได้จอดพักรถอยู่ริมถนนประมาณ 5-10 นาที เพื่อจัดการเรื่องส่วนตัว โดยในช่วงนั้น ผู้โดยสารในรถ SUV ซึ่งจอดอยู่ด้านหลังรถของตน ก็กำลังจะลงจากรถเพื่อเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็ก ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงโครมสนั่นที่ท้ายรถ เมื่อลงมาดูพบว่า รถ SUV ถูกชนอย่างแรงจากรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ และอัดติดกับรถของเขาอย่างจัง
รายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่อยู่ในรถ SUV ทั้งหมดเป็นกลุ่มครอบครัวหรือเครือญาติเดียวกัน โดยกำลังเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงเช้า ทำให้เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นความสูญเสียของบุคคลธรรมดา แต่ยังเป็นโศกนาฏกรรมของครอบครัวที่ต้องสูญเสียสมาชิกถึง 8 ชีวิตในครั้งเดียว
ญาติของผู้เสียชีวิตได้รับแจ้งและกำลังเดินทางมายังโรงพยาบาลเพื่อยืนยันตัวบุคคล ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่หนักหนาและสะเทือนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากบางร่างเสียชีวิตในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ จำเป็นต้องตรวจสอบอัตลักษณ์เพิ่มเติม
ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง
พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผู้กำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พร้อมด้วย พ.ต.ท.โสภณ โกมลสุทธิ สารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุได้ ต้องรอการสอบปากคำเพิ่มเติมจากผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วง รวมถึงผู้รอดชีวิตอีก 2 รายที่นั่งมาในรถ SUV
เบื้องต้นคาดว่า อาจเกิดจากความประมาทของคนขับรถบรรทุกพ่วงที่ขับมาด้วยความเร็วและไม่สามารถหยุดรถได้ทัน จึงพุ่งชนรถ SUV อย่างเต็มแรง
เหตุการณ์สะเทือนใจครั้งนี้ได้กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคมไทย โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ หลายคนแสดงความเสียใจและสะเทือนใจเป็นอย่างมากที่ต้องเห็นเด็กเล็กและครอบครัวทั้งครอบครัวต้องมาจบชีวิตในลักษณะนี้
มีการตั้งคำถามถึงมาตรการความปลอดภัยในการใช้ถนนของรถบรรทุกขนาดใหญ่ รวมถึงสภาพร่างกายของคนขับที่มักทำงานต่อเนื่องยาวนานโดยไม่ได้พัก และสภาพรถที่อาจไม่ผ่านการตรวจสอบอย่างเหมาะสม
เหตุใดรถ SUV จึงจอดอยู่กลางทางด่วน?
มีป้ายเตือนหรือสัญญาณอะไรบอกให้ผู้ขับรถบรรทุกระมัดระวังหรือไม่?
ทำไมรถบรรทุกพ่วงถึงไม่สามารถหยุดรถได้ทัน?
และที่สำคัญ ผู้เสียชีวิตทั้งหมด รัดเข็มขัดนิรภัยหรือไม่?
คำถามเหล่านี้ยังต้องการคำตอบจากเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นคำเตือนแรงกล้าถึงปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนนไทยที่ยังคงต้องการการปรับปรุงและควบคุมอย่างเข้มงวด
ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และหวังว่าภาครัฐจะนำเหตุการณ์นี้ไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายเพื่อความปลอดภัยของประชาชนต่อไป




