แกะปริศนาแห่งเกาะซานตาบาร์บารา กับการอยู่รอดกว่า 200 ปีโดยไม่มีน้ำจืด
บนเกาะซานตาบาร์บารา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะอับโรวโญสในประเทศบราซิล มีฝูงแพะกลุ่มหนึ่งที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์มากว่า 200 ปี ทั้งที่บนเกาะแห่งนี้ไม่มีแหล่งน้ำจืดให้พวกมันได้ดื่มเลย เรื่องราวของแพะเหล่านี้กลายเป็นปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์และนักธรรมชาติต่างพยายามค้นหาคำตอบ
แพะเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่รอดชีวิตเท่านั้น แต่ยังเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ได้อย่างดี มีการพบว่าแพะส่วนใหญ่ให้กำเนิดลูกฝาแฝด ซึ่งบ่งบอกถึงสุขภาพที่แข็งแรงและได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ความลับที่ทำให้พวกมันอยู่รอดได้ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งและขาดแคลนน้ำจืดนั้น น่าทึ่งและท้าทายความเข้าใจของมนุษย์อย่างมาก
หนึ่งในทฤษฎีที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ แพะเหล่านี้อาจได้รับน้ำจากการกินพืชชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “เบลดโรเกีย” ซึ่งเป็นพืชอวบน้ำที่ขึ้นอยู่บนเกาะและมีความชุ่มชื้นสูง พืชชนิดนี้อาจช่วยทดแทนน้ำที่พวกมันขาดไปได้ นอกจากนี้ยังมีข้อสันนิษฐานว่าแพะอาจปรับตัวให้ดื่มน้ำทะเลได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติสำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมส่วนใหญ่ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าพวกมันดื่มน้ำทะเลจริง ๆ
นักวิจัยยังได้ตรวจสอบเกาะอย่างละเอียดเพื่อหาน้ำจืด แต่ก็ไม่พบแหล่งน้ำใด ๆ เลย ซึ่งแตกต่างจากกรณีของเกาะอื่น ๆ ที่เคยพบแหล่งน้ำซ่อนอยู่ใต้ดินหรือในถ้ำ การอยู่รอดของแพะจึงกลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์และเป็นแรงบันดาลใจให้กับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการปรับตัวของสัตว์ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
อย่างไรก็ตาม การมีอยู่ของแพะบนเกาะนี้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์โดยรวม เพราะพวกมันทำลายพืชพันธุ์ท้องถิ่นและรบกวนพื้นที่วางไข่ของนกทะเลหลายชนิด ด้วยเหตุนี้ในปี 2025 เจ้าหน้าที่อนุรักษ์จึงได้ทำการย้ายแพะทั้ง 27 ตัวออกจากเกาะ เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติและรักษาความสมดุลของระบบนิเวศน์ แต่แพะเหล่านี้ไม่ได้ถูกกำจัดทิ้ง เพราะยังคงมีคุณค่าในการศึกษาค้นคว้าต่อไป
เรื่องราวของแพะบนเกาะซานตาบาร์บาราไม่เพียงแต่เป็นปริศนาทางธรรมชาติที่น่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจถึงความสามารถในการปรับตัวและความอดทนของสิ่งมีชีวิตในโลกใบนี้ อีกทั้งยังอาจนำไปสู่การพัฒนาวิธีการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่แห้งแล้ง เพื่อรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
















