ล่าตัวด่วน! ไอ้สปายกร่างไม่กลัวหมายจับ ท้าสู้ตำรวจลั่นจะสู้ถึงตาย ไม่หวั่นหมายจับ
“สปาย แก้วโสม” มือปืนโหดวัย 27 ประกาศลั่น “ไม่มอบตัว ยอมตายดีกว่า” ปมยิงสาววัย 17 ดับคาร้านหมูกระทะ เพียงเพราะเรื่อง “มองหน้า”! ตำรวจอาวุธครบมือไล่ล่าเข้ม หลังศาลออกหมายจับ
กลายเป็นเหตุสะเทือนขวัญที่ทำให้คนทั้งประเทศต้องตกตะลึงและรู้สึกสลดใจกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากเรื่องเล็กน้อย เมื่อชายวัย 27 ปีรายหนึ่งใช้ปืนยิงหญิงสาววัยเพียง 17 ปีเสียชีวิตเพียงเพราะ “เรื่องมองหน้า” เหตุเกิดบริเวณร้านหมูกระทะในซอยเทศบาลเมืองลำสามแก้ว ม.6 ต.ลำสามแก้ว อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยผู้ก่อเหตุรายนี้ถูกระบุชื่อว่า “นายสปาย แก้วโสม” ชาวอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
เหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา โดยจากรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและพยานในพื้นที่ ระบุว่า ขณะผู้เสียชีวิตพร้อมกลุ่มเพื่อนกำลังรับประทานอาหารอยู่ในร้านหมูกระทะ กลับเกิดความขัดแย้งกับกลุ่มของนายสปายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เพียงแค่จ้องหน้ากันระหว่างเดินสวนกันในร้าน ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายอย่างรุนแรงจนนำไปสู่การใช้อาวุธปืน
นายสปายได้ใช้อาวุธปืนยิงหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายจนเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายหรือชีวิตของผู้อื่นในร้านที่มีลูกค้าอยู่อย่างคับคั่ง และหลังจากก่อเหตุ เขาได้หลบหนีไปจากพื้นที่ทันที
ศาลออกหมายจับ ตำรวจไล่ล่าทั่วพื้นที่
ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 พ.ต.ท.ประสิทธิ์ สมบูรณ์จิต รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.คูคต เปิดเผยว่า ศาลจังหวัดธัญบุรีได้ออกหมายจับอย่างเป็นทางการแล้วต่อนายสปาย แก้วโสม ในข้อหาหนักหลายกระทง ได้แก่
- ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
- มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
๋- พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
- ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยไม่มีเหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ ทราบว่าผู้ต้องหามีอาวุธปืนติดตัวและเคยมีประวัติความรุนแรงมาก่อน จึงถือว่าเป็นบุคคลอันตราย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ระดมกำลัง พร้อมอาวุธครบมือ เข้าปูพรมไล่ล่าในหลายพื้นที่ทั้งในจังหวัดปทุมธานีและจังหวัดใกล้เคียง
ประกาศไม่ยอมมอบตัว “ยอมตายดีกว่ายอมติดคุก”
ที่น่าสะเทือนใจและสร้างความกังวลให้กับเจ้าหน้าที่ คือมีรายงานข่าวจากวงในว่า นายสปายประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยอมมอบตัว ไม่ว่าจะด้วยเงื่อนไขใด พร้อมขู่ว่า “จะขอสู้กับตำรวจจนตาย” หากมีการเข้าจับกุม นี่เป็นคำประกาศที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งทวีความตึงเครียด เพราะหมายถึงการเผชิญหน้าระหว่างผู้ต้องหาพร้อมอาวุธกับเจ้าหน้าที่ที่ต้องระวังความปลอดภัยของทั้งตัวเองและประชาชนรอบข้าง
คำกล่าวนี้ไม่เพียงแค่ตอกย้ำถึงความโหดเหี้ยมของผู้ก่อเหตุเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายอย่างรุนแรง เหมือนเป็นการท้าทายอำนาจรัฐอย่างไม่ไว้หน้า ซึ่งยิ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความวิตกว่าจะมีเหตุปะทะ หรือยิงต่อสู้กันในพื้นที่สาธารณะซึ่งอาจมีผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพิ่มขึ้นได้อีก
หลังเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปบนโลกออนไลน์ กระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมเกิดขึ้นอย่างล้นหลาม หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมสังคมไทยในปัจจุบันถึงได้อ่อนไหวและรุนแรงต่อเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกหวาดกลัว ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก
เพียงแค่การ “มองหน้า” หรือ “สบตาโดยไม่ตั้งใจ” กลับกลายเป็นชนวนให้เกิดการฆาตกรรม นี่เป็นสัญญาณที่น่ากลัวของความรุนแรงในสังคมที่อาจมาจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งสภาพจิตใจ ความเครียด เศรษฐกิจ หรือแม้แต่การขาดทักษะในการควบคุมอารมณ์
มีผู้ใช้งานโซเชียลบางรายแสดงความคิดเห็นว่า “แบบนี้ไม่กล้าออกไปกินอะไรข้างนอกแล้ว กลัวไปนั่งร้านอาหารแล้วเจอเรื่องแค่มองหน้ากันแล้วโดนยิงตาย” ขณะที่บางรายแนะนำให้มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้ที่ครอบครองอาวุธ และให้เพิ่มโทษกับผู้ที่มีอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต
เจ้าหน้าที่เร่งติดตาม เตือนประชาชนหากพบเบาะแส
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเร่งติดตามตัวนายสปายอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าผู้ต้องหายังหลบซ่อนตัวอยู่ภายในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีหรือจังหวัดใกล้เคียง พร้อมกันนี้ยังขอความร่วมมือจากประชาชน หากพบเบาะแสหรือทราบที่อยู่ของผู้ต้องหา สามารถแจ้งมายังสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดโดยด่วน
เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งด่านตรวจในพื้นที่สุ่มเสี่ยง รวมถึงตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยอย่างต่อเนื่อง
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ฝังรากลึกในสังคมไทย ทั้งในเรื่องของการครอบครองอาวุธอย่างผิดกฎหมาย ความรุนแรงในระดับจิตใจที่สะสม และความล้มเหลวของระบบยุติธรรมบางส่วนที่ทำให้คนกล้าทำผิดแบบไม่เกรงกลัว
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของ “นายสปาย” หรือ “เหยื่อผู้บริสุทธิ์” เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของสังคมไทยทั้งระบบที่จะต้องร่วมกันหาทางออก เราจะไม่สามารถยับยั้งเหตุการณ์เช่นนี้ได้เลย หากปล่อยให้ความรุนแรงเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องปกติที่ไม่มีใครรู้สึกผิด
หากคุณรู้จักใครที่เสี่ยงมีพฤติกรรมรุนแรง หรือกำลังเผชิญปัญหาสภาพจิตใจอย่างหนัก อย่าลังเลที่จะติดต่อหน่วยงานช่วยเหลือ เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323
เพราะการป้องกัน ยังไงก็สำคัญกว่าการแก้ไขหลังจากที่ทุกอย่างสายไปแล้ว




















