โลกจะสูญเสียชาวยิว 90% จากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ภายใน 15 ปีข้างหน้า
จากการคาดการณ์ข้อมูลประชากร ของกลุ่ม "กลุ่มชาวยิวในเยอรมัน" พบว่า "โลกจะสูญเสียชาวยิว จากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 70% ในอีก 10 ปีข้างหน้า และ 90% ในอีก 15 ปีข้างหน้า
"ปินชาส กัทเตอร์" หนึ่งในผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย ของการจลาจลที่เกตโตวอร์ซอ กล่าวว่า "ผมรู้สึกหดหู่ใจมาก ที่เห็นว่ามีผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว เหลืออยู่เพียงไม่กี่คน...." และ "เรามีชิ้นส่วนประวัติศาสตร์ที่สำคัญชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีเพียงเราเท่านั้นที่เก็บรักษาไว้" และ "มีเพียงเราเท่านั้นที่บอกเล่าได้" และ "ผมหวังว่าในช่วงเวลาที่เรามี เราจะสามารถถ่ายทอดบทเรียน จากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้ เพื่อที่โลกจะไม่ต้องทนทุกข์กับความเกลียดชังในระดับนั้นอีก" และ "ผมเป็นพยาน พวกเราที่เป็นพยานที่ยังมีชีวิตอยู่ กำลังทำงานเพื่อให้แน่ใจว่า คำให้การของเราจะได้รับการรับฟัง และ เก็บรักษาไว้ด้วยวิธีการใดๆก็ตามที่เป็นไปได้" และ "เราคาดหวังให้คนรุ่นนี้รับฟังเรา และ คนรุ่นต่อๆไปนำประสบการณ์ของเราไปใช้ต่อ เพื่อที่โลกจะได้ไม่ลืม..."
การศึกษาดังกล่าวเกิดขึ้น ก่อนถึงวันรำลึกการฆ่าล้าง เผ่าพันธุ์ชาวยิว ของอิสราเอล และ อีก 4 เดือนหลังจากที่โลกครบรอบ 80 ปี การปลดปล่อยเหยื่อจากค่ายมรณะของนาซี
การคาดการณ์ดังกล่าวสร้างขึ้นโดยอิงจาก อัตราการเสียชีวิตที่สังเกตได้ในปี 2023 และ 2024 ของผู้รอดชีวิตมากกว่า 250,000 คน ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ เงินช่วยเหลือ หรืออื่นๆ
เนื่องจากอัตราการเสียชีวิต แตกต่างกันไปทั่วโลก ประเทศต่างๆจะสูญเสียผู้รอดชีวิต ในระดับที่แตกต่างกันในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งคาดว่าอิสราเอลจะสูญเสียผู้รอดชีวิต จากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 40% ในอีก 5 ปีข้างหน้า ในขณะที่จำนวนผู้รอดชีวิตของอดีตสหภาพโซเวียต มีแนวโน้มลดลง 50% ในอีก 5 ปีข้างหน้า
รายงานระบุว่า "ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มประชากรศาสตร์ที่กว้างขึ้น ซึ่งความก้าวหน้าทางการแพทย์และมาตรฐานการครองชีพ ทำให้มีอายุยืนยาวขึ้น แต่การมีอายุยืนยาว ก็มาพร้อมกับภาวะเรื้อรังที่ต้องได้รับการดูแลเป็นเวลานานขึ้น"
ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวรุ่นสุดท้าย ซึ่งเป็นเด็กเมื่อได้รับการปล่อยตัวจากค่ายและเขตกันดาร หรือ หลบหนีการจับกุม ปัจจุบัน 98% มีอายุ 80 ปีขึ้นไป อายุเฉลี่ยของผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว อยู่ที่ 87 ปี และ คาดว่าปัจจุบันมีผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ที่ยังมีชีวิตอยู่ 1,400 คน ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี
"วลาดิมีร์ ชเวตซ์" ลูกชายของ "เนชามา กรอสแมน" ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว วัย 110 ปี กล่าวว่า "แม่ของผมได้ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของมนุษยชาติมาแล้ว" และ "เธอก็สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ เธอเลี้ยงดูลูกๆหลานๆ และ เหลนๆของเธอได้" และ "เราต้องจดจำเรื่องราวของเธอ จดจำเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จดจำผู้รอดชีวิตทุกคน และ เรียนรู้จากเรื่องราวเหล่านั้น เพื่อที่อดีตของเธอ จะไม่กลายมาเป็นอนาคตของเรา"
"มัลกา ชมูโลวิทซ์" ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว วัย 109 ปี กล่าวว่า "ฉันเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิต ที่มีอายุมากที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ และ ตอนนี้ฉันน่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน" และ "เราทุกคนต้องการให้แน่ใจว่า คนรุ่นใหม่และรุ่นต่อๆไป จะได้ยินและเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในช่วงโฮโลคอสต์ ถึงแม้ว่าจะเพียงเพื่อที่เรา จะไม่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำอีกก็ตาม"
"จีเดียน เทย์เลอร์" กล่าวว่า "ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องฟังคำบอกเล่า จากผู้รอดชีวิตโดยตรง โดยการเชิญพวกเขามาพูดในห้องเรียน สถานที่ประกอบพิธีกรรม และ สถาบันต่างๆ" และ "สิ่งสำคัญไม่ใช่เฉพาะสำหรับเยาวชนของเราเท่านั้น แต่สำหรับผู้คนทุกยุคทุกสมัยที่จะต้องฟังและเรียนรู้โดยตรง จากผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" และ "การคาดการณืนี้ เป็นการเตือนใจที่ชัดเจนว่า "เวลาของเราใกล้จะหมดแล้ว ผู้รอดชีวิตกำลังจากเราไป " และ "นี่คือช่วงเวลาที่จะได้ยินเสียงของพวกเขา"















