ส่องเส้นทาง “สป.สายไหม” คนใกล้ชิดนักการเมือง กับบทบาทใหม่ในวงการธุรกิจ
"สป. สายไหม" คือใคร? เจาะลึกเส้นทางชีวิต "เสี่ยป่อง" คนใกล้นักการเมือง ค่ายมวยดัง เครือข่ายอินฟลูเอนเซอร์ และการยอมรับตัวตนในบทบาท 'นักพนัน'
ท่ามกลางกระแสข่าวและการถกเถียงในรายการ "โหนกระแส" เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 หนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึงอย่างร้อนแรงก็คือ "สป. สายไหม" หรือที่หลายคนรู้จักกันในนาม "เสี่ยป่อง" ชายผู้ปรากฏตัวกลางสื่อ พร้อมจุดยืนชัดเจนในการสนับสนุน "นายกเบี้ยว" อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ด้วยถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาและการแสดงออกอย่างกล้าหาญท้าทายกระแสสังคมอย่างไม่หวั่นเกรง
แต่คำถามสำคัญคือ... เขาคือใคร? มาจากไหน? และทำไมถึงกล้าขึ้นเวทีปะทะกลางรายการสดแบบไม่มีหวั่น?
จากคนธรรมดาสู่ "คนใกล้นักการเมือง" ผู้กล้าเปิดหน้าในวันที่โลกออนไลน์จับจ้อง
ตามข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในโลกออนไลน์ เสี่ยป๋อง หรือ สป. สายไหม ไม่ใช่บุคคลนิรนามที่เพิ่งเกิดขึ้นแบบฉับพลัน แต่กลับเป็นชื่อที่คุ้นหูของคนในพื้นที่สายไหม – ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี มาอย่างยาวนาน ด้วยภาพลักษณ์ของผู้มีอิทธิพลในแวดวงท้องถิ่น และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับ "นายกเบี้ยว กฤษฎา หลีนวรัตน์" อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ที่กลายเป็นหัวใจสำคัญของความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุด
ในขณะที่หลายคนเลือกจะเงียบหรือหลบฉากเมื่อเกิดกระแสสังคมต่อต้าน เสี่ยป๋องกลับเลือกเดินเข้าหากระแสด้วยการ เปิดหน้าชนกลางจอทีวีแบบไม่กั๊ก พร้อมตอบโต้แบบตรง ๆ ไม่เว้นแม้แต่ประเด็นอ่อนไหว
ธุรกิจ ค่ายมวย และบทบาทในแวดวงกีฬา
หากพูดถึง "เสี่ย" หลายคนอาจนึกถึงผู้มีฐานะ หรือคนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งในกรณีของเสี่ยป๋อง ก็มีข้อมูลที่น่าสนใจเช่นกัน โดยมีการอ้างอิงว่าเขาเป็นเจ้าของร้านอาหารและค่ายมวยชื่อดังย่านสายไหม ที่มีนักมวยฝีมือดีหลายคนเคยเข้าแข่งขันในเวทีระดับประเทศอย่าง ราชดำเนิน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเวทีมวยที่ทรงอิทธิพลของประเทศไทย
ภาพของเขาที่ถูกเผยแพร่ในเพจมวยและเพจข่าวท้องถิ่น ยังยืนยันบทบาทในฐานะทีมงานและผู้สนับสนุนนักมวยมากมาย โดยหลายคนรู้จักเขาในนาม “ทีมงานป่อง สป.สายไหม” ซึ่งชื่อเสียงในแวดวงนี้ไม่ได้มาเพราะโชค แต่เพราะความผูกพันที่มีต่อวงการมวยมาอย่างยาวนาน
เครือข่ายอินฟลูเอนเซอร์ – ความซับซ้อนของภาพลักษณ์และมิตรภาพในโลกโซเชียล
อีกมิติที่สังคมเริ่มจับตามอง คือ เครือข่ายของเสี่ยป๋องกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ ที่มีภาพลักษณ์และภูมิหลังหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏตัวร่วมกับ "เมลาย รัชดา" หรือแม้กระทั่ง "เบิร์ด วันว่าง ๆ" ซึ่งบางคนมีประวัติเคยเกี่ยวข้องกับคดีความ หรือเป็นบุคคลที่สื่อให้ความสนใจอย่างมากในช่วงหลัง
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า เสี่ยป่องไม่ได้อยู่เพียงในมิติของการเมืองหรือกีฬาเท่านั้น แต่ยังมีความเชื่อมโยงกับโลกออนไลน์ที่ซับซ้อนและหลากหลาย การอยู่ในเฟรมภาพกับคนดังต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือด้านลบ ล้วนสะท้อนว่าเขาคือบุคคลที่มีบทบาทในหลายแวดวง และเป็นผู้ที่เข้าใจการเล่นเกมของกระแสสังคมอย่างดี
กล้าพูด กล้ายอมรับ อาชีพ "นักพนัน" ที่ไม่ปิดบัง
สิ่งที่สร้างความตะลึงไปทั้งสังคมและโลกออนไลน์มากที่สุด คือการที่ เสี่ยป๋อง ยอมรับกลางรายการว่าเขา "ทำอาชีพเป็นนักพนัน" และไม่ได้เป็นการเล่นพนันต่างประเทศตามภาพลักษณ์ของนักพนันมือโปรแบบที่หลายคนเข้าใจ แต่กลับระบุชัดว่า “เล่นบ่อนแถวนี้” ซึ่งแม้จะไม่ได้เปิดเผยสถานที่ชัดเจน แต่ก็เป็นคำสารภาพที่ตรงไปตรงมาที่สุดคำหนึ่งเท่าที่เคยมีมาในรายการถ่ายทอดสด
การยอมรับตัวตนนี้ อาจเป็นดาบสองคม แต่ก็สะท้อนว่าเสี่ยป๋อง ไม่กลัวการถูกตัดสิน ไม่ปกปิดสิ่งที่เป็น และพร้อมจะยืนหยัดในสิ่งที่เขาเลือก แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์
ตัวตนที่ยังไม่สมบูรณ์...แต่ชัดเจนมากพอจะเข้าใจ
แม้ข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมายังอาจไม่เพียงพอที่จะตีกรอบตัวตนของเสี่ยป๋องหรือสป. สายไหมได้ทั้งหมด เพราะยังมีหลายเรื่องที่ยังคลุมเครือหรือไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่กระนั้น ก็สามารถสรุปได้ว่า เขาคือบุคคลที่...
มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองท้องถิ่นระดับมีชื่อเสียง
มีบทบาทในวงการธุรกิจ โดยเฉพาะด้านมวยและร้านอาหาร
เชื่อมโยงกับเครือข่ายอินฟลูเอนเซอร์
ไม่ปกปิดบทบาทตนเองในฐานะนักพนัน
และพร้อมจะเปิดหน้าเผชิญหน้ากับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา
ในยุคที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นเวทีหลักของการตัดสินคนและความคิดเห็นหลากหลายกระหน่ำเข้ามาจากทุกทิศ "เสี่ยป่อง" หรือ "สป. สายไหม" คือตัวอย่างของคนที่ กล้าอยู่กับความจริงของตัวเอง กล้าเปิดเผยทุกบทบาทแม้จะขัดกับค่านิยมกระแสหลัก และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่โลกออนไลน์ต้องหยุดมอง
เรายังไม่รู้ว่าบทต่อไปของเสี่ยป๋องจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ คือชื่อของเขาได้ถูกจารึกลงในหน้าหนึ่งของสังคมออนไลน์ไปแล้วอย่างไม่มีทางลบได้ง่าย ๆ...
อ้างอิงจาก: ภาพจาก เฟสบุ๊ค สป.สายไหม











