รถทัวร์เสียหลักพุ่งอัดพ่วง ผู้โดยสารดับ 7 เจ็บอีกกว่า 53 ราย
โศกนาฏกรรมบนถนน! รถบัสโดยสารเบรกไม่อยู่พุ่งชนรถบรรทุก ดับ 7 เจ็บระนาว เผยนาทีชีวิตจากผู้โดยสารชั้นบน
เกิดเหตุสะเทือนขวัญที่สร้างความหดหู่ให้กับประชาชนจำนวนมาก เมื่อรถบัสโดยสารสองชั้นซึ่งเดินทางจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออก เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงที่ถนนสายหลัก หลังไม่สามารถควบคุมรถได้ พุ่งชนรถบรรทุกอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันทีถึง 7 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก เหตุการณ์นี้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการตรวจสอบสภาพรถและระบบเบรกที่อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมในครั้งนี้
เบื้องต้นพบผู้บาดเจ็บรวม 53 ราย ส่งโรงพยาบาลเร่งด่วน
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยในพื้นที่ได้รับแจ้งเหตุรถบัสประสบอุบัติเหตุรุนแรงบริเวณถนนสายหลักในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี โดยในที่เกิดเหตุพบว่ารถบัสสองชั้นซึ่งบรรทุกผู้โดยสารเต็มคันเกิดเสียหลักพุ่งชนท้ายรถบรรทุกที่จอดอยู่ริมถนน แรงกระแทกทำให้ตัวรถบัสเสียหายอย่างหนัก และผู้โดยสารบางส่วนกระเด็นออกมาจากตัวรถ ขณะที่หลายรายติดอยู่ภายในซากรถอย่างน่าสลดใจ
จากข้อมูลเบื้องต้น เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้ทั้งหมด 53 ราย โดยได้ส่งตัวไปรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ ดังนี้:
โรงพยาบาลนาดี: 39 ราย
โรงพยาบาลกบินทร์บุรี: 13 ราย
โรงพยาบาลเกษมราษฎร์: 1 ราย
เจ้าหน้าที่ต้องเร่งประสานงานเพื่อเปิดช่องทางจราจรโดยเร็ว พร้อมทั้งเก็บกู้ซากรถและหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำในจุดดังกล่าวอีก
พยานผู้รอดชีวิตเล่าเหตุระทึก: “เบรกไม่อยู่ ได้กลิ่นไหม้ก่อนรถเสียการควบคุม”
หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้คือ นางสาวประภาวรินทร์ โนนวังชัย อายุ 20 ปี เล่าเหตุการณ์ให้ฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ระหว่างเดินทาง รถบัสได้จอดพักที่ปั๊มน้ำมันเพียงครั้งเดียว ก่อนจะขับยาวมาตลอดทางโดยไม่มีจอดอีกเลย จนกระทั่งเกิดเหตุ
“หนูหลับอยู่ค่ะ ตื่นมาอีกทีได้กลิ่นเหมือนไหม้ออกมาจากรถ แล้วก็มีเสียงคนร้องดังมาก พอลืมตาขึ้นมา เห็นคนบนรถตกใจกันหมด รถก็ซิกแซกไปมา เหมือนคนขับพยายามควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเส้นทาง เพราะถ้าหลบก็อาจตกเขา เขาน่าจะตัดสินใจชนเลยเพื่อไม่ให้เกิดเหตุที่รุนแรงกว่านี้ หนูนั่งชั้นบนแถวสอง อยู่หลังคนที่เสียชีวิตพอดี ตอนนั้นจับเหล็กไว้แน่นมาก หนูคิดว่าตัวเองจะไม่รอดแล้ว”
แม่ลูกชาวลาวรอดปาฏิหาริย์: “ได้ยินเสียงโวยวายจากชั้นบน ตอนนั้นกอดลูกแน่น”
นอกจากนี้ยังมีคำให้การจาก Mrs. Souphalath ชาวลาวที่เดินทางมากับลูก เธอเล่าว่าได้นั่งอยู่ชั้นล่างตรงท้ายรถ ขณะเกิดเหตุทั้งสองกำลังเดินทางจากหนองคายไปยังจังหวัดจันทบุรี
“ตอนนั้นรถมันเบรกไม่อยู่จริงๆ ฉันรู้สึกได้เลยว่าแรงมาก ฉันเลยกอดลูกแน่น ไม่ให้หลุดจากอก ได้ยินเสียงคนข้างบนร้องโวยวายเต็มไปหมด ทุกคนตื่นตระหนก และไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ทันเวลาเลยค่ะ มันเกิดขึ้นเร็วมาก”
จุดเกิดเหตุพบร่องรอยการชน ความเสียหายยาวเหยียด
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบยังพบรอยครูดเป็นทางยาวบนแบริเออร์ริมถนน ซึ่งเป็นจุดที่รถบัสพยายามเบรกและหลบหลีกก่อนชนท้ายรถบรรทุก นอกจากนี้ยังพบสิ่งของกระจัดกระจายเต็มพื้นถนน ทั้ง ถุงแป้ง, หน่อไม้, และ ผลไม้หลากหลายชนิด ที่คาดว่าเป็นของฝากจากผู้โดยสารหรือของที่ขนมาจากรถบรรทุก
ส่วนตัวรถบัสได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าของรถพังยับเยินไม่เหลือสภาพ และทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวรถไปไว้ที่บริเวณ สถานีตำรวจภูธรวังขอนแดง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและตรวจสอบหาสาเหตุเพิ่มเติม
ผู้เสียชีวิต 7 ราย เตรียมนำส่งนิติเวชเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์
รายงานล่าสุดระบุว่าผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้มีทั้งหมด 7 ราย เป็น ชาย 5 ราย และ หญิง 2 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายร่างไปยังสถานนิติเวชเพื่อทำการชันสูตรอย่างละเอียด และติดต่อประสานกับญาติเพื่อดำเนินการตามประเพณีทางศาสนาในลำดับถัดไป
บรรยากาศที่โรงพยาบาลเป็นไปด้วยความโศกเศร้า เมื่อญาติผู้เสียชีวิตทยอยเดินทางมารับทราบข่าว และบางรายถึงกับเป็นลมเมื่อทราบว่าคนที่รักได้จากไปอย่างกะทันหัน
อุบัติเหตุในครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับวงการขนส่งและผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ถึงความสำคัญของการตรวจเช็กสภาพรถอย่างเคร่งครัดก่อนออกเดินทาง โดยเฉพาะระบบเบรกและอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ต้องมีการดูแลอย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวกัน หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัดการตรวจสอบมาตรฐานรถโดยสารทุกประเภทให้ได้มาตรฐานอย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียเช่นนี้ขึ้นอีก
สำหรับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ เหตุการณ์นี้เป็นฝันร้ายที่ไม่อาจลืม และสังคมไทยควรร่วมกันแสดงความเสียใจ พร้อมส่งกำลังใจให้กับทุกครอบครัวที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างกะทันหัน













