“พีท” หนุ่มป้ายแดงน้ำตาคลอ ขอโทษกลางโซเชียล หลังเหตุชนเดือด
“พีท หนุ่มบีเอ็มป้ายแดง” เปิดใจทั้งน้ำตา ยันไม่ได้ตั้งใจพุ่งชน แค่ต้องการให้จอดคุย ยอมรับผิดทุกอย่าง ลั่นถ้ารู้ว่าเป็นคนแก่จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้แน่นอน
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สังคมให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง สำหรับกรณีของ “นายสมิทธิพัฒน์ หลินวรัตน์” หรือ “พีท” วัย 28 ปี ชายหนุ่มผู้ขับรถ BMW ป้ายแดงที่เกิดเหตุการณ์พุ่งชนรถกระบะ จนทำให้มีผู้สูงอายุได้รับบาดเจ็บ โดยล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเปิดใจเล่าทุกเหตุการณ์ผ่านรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทางช่อง 8 พร้อมคุณพ่อ “นายกฤษฎา หลินวรัตน์” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “นายกเบี้ยว” นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
“ตอนนั้นผมตกใจ กลัวพ่อจะว่า เลยหนีไปอยู่บ้านเพื่อน”
เปิดฉากรายการ พีทเล่าถึงเหตุการณ์หลังเกิดเรื่องว่า “ตอนแรกตกใจมากจริงๆ ไม่คิดว่าทุกอย่างจะบานปลายขนาดนี้ จึงหนีไปอยู่บ้านเพื่อน ไม่ได้คิดจะหนีคดีหรืออะไรเลย แค่กลัวมาก กลัวพ่อจะว่า เพราะไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนในชีวิต”
ด้านคุณพ่อ นายกฤษฎา ได้กล่าวด้วยความหนักใจว่า “ลูกผิดก็ต้องว่าตามผิด แต่ผมไม่ได้ซ้ำเติมเขา เพราะคนเป็นพ่อแม่ก็ต้องคอยประคับประคอง เวลาลูกพลาดก็ต้องช่วยให้เขาเรียนรู้ ไม่ใช่ไปลงโทษให้จมดิน ผมเข้าใจทั้งสองฝ่าย เห็นใจคุณลุงคุณป้ามาก และในฐานะที่ผมเป็นตัวแทนของประชาชน ผมขอยืนยันว่าจะดูแลเยียวยาให้ดีที่สุด”
คลิปเหตุการณ์ที่สังคมตั้งคำถาม – พีทชี้แจงทุกประเด็น
ในรายการ พีทได้ไล่เรียงเหตุการณ์อย่างละเอียดจากคลิปที่เป็นประเด็นร้อน เริ่มจากคลิปแรกที่รถ BMW ปาดหน้ากระบะ ซึ่งเจ้าตัวอธิบายว่า “ผมก้มเก็บของที่เบาะข้างโดยไม่ได้ตั้งใจจะปาดหน้าใครเลย ไม่เห็นว่ามีรถอยู่ข้างหลังด้วยซ้ำ แต่พอมาดูคลิปก็ยอมรับว่าเราประมาทจริงๆ”
สำหรับคลิปจากกล้องวงจรปิดหน้าด่าน ซึ่งแสดงให้เห็นเหตุการณ์พุ่งชน พีทยืนยันว่า “ตอนนั้นผมขับมาประมาณ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ได้ขับเร็วเลย ขณะนั้นลุงขับเข้ามาจากเส้นประ ซึ่งมันคือทางที่ต้องให้ผมไปก่อน ผมเห็นก็เลยเบี่ยงรถเพื่อหลบ คิดว่าไปทันแน่ๆ แต่ไม่ทันจริงๆ เลยชนกับแบริเออร์ด้านข้าง”
ปมดราม่าขับไล่-ดักหน้ารถ “แค่อยากให้เขาจอดคุยกัน”
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า ทำไมถึงมีการขับไล่หรือพยายามดักหน้ารถคู่กรณี พีทยอมรับว่า “ตอนนั้นคิดว่าเขาเบียดเราชนแบริเออร์ เราเลยอยากให้เขาจอดคุยกัน ก็เลยขับตีคู่ เปิดกระจก โบกมือให้เขาจอด แต่ตอนที่เขาเปิดกระจกมา ผมเพิ่งเห็นว่าเขาเป็นคนแก่ ซึ่งถ้ารู้มาก่อนหน้านี้ ผมจะไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด”
“ผมขับมือเดียว ตอนนั้นอารมณ์ก็พาไป พอหันมาอีกทีรถผมก็เลยไปอยู่เลนของเขาแล้ว มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ไม่ได้เจตนาจะให้ใครเจ็บ ผมแค่อยากให้เขาจอดเท่านั้น”
ปม “บอกว่าพ่อเป็นนายกฯ” ยอมรับผิดเพราะโกรธและตกใจ
หนึ่งในประเด็นที่ถูกวิจารณ์หนักคือการที่พีทพูดว่า “รู้ไหมพ่อกูเป็นนายกฯ” ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นการใช้อำนาจหรือบารมีครอบครัวในการข่มขู่ผู้อื่น พีทได้ชี้แจงในรายการว่า “ผมยอมรับว่าพูดจริงครับ เพราะตอนนั้นโกรธมาก รถเพิ่งชน แถมมีคนมาด่าผมว่า มึงชนลุงเหรอ มีคนตัวเล็กๆ มาด่าผมแรงมาก ตอนนั้นอารมณ์ขึ้น พูดไปโดยไม่ทันคิด ซึ่งผมเสียใจกับคำพูดนั้นจริงๆ”
“จริงๆ ผมแค่จะสื่อว่าผมไม่ได้หนีไปไหน บ้านผมอยู่ที่นี่ พ่อผมก็เป็นคนทำงานให้ชุมชน ไม่ได้จะเอาอำนาจมาข่มขู่ใครเลยครับ”
น้ำตาลูกผู้ชาย ขอโทษต่อหน้าสื่อ ยืนยันจะเยียวยาอย่างเต็มที่
ในช่วงท้ายของรายการ พีทได้กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ผมขอโทษคุณลุงคุณป้าจริงๆ ครับ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่ทำแบบนั้นเลย ตอนนี้ผมก็เครียดมาก เพราะท่านทั้งสองบาดเจ็บเยอะ แล้วก็อายุมาก ผมมาคิดว่า ถ้าเป็นพ่อแม่เราบ้างจะรู้สึกยังไง ผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากครับ”
จากนั้นพีทก็ได้ยกมือไหว้ผ่านกล้อง พร้อมกล่าวขอโทษด้วยความรู้สึกผิดอย่างชัดเจน และยืนยันว่าเขาพร้อมจะรับผิดชอบดูแลผู้บาดเจ็บทุกอย่างตามกระบวนการที่เหมาะสม
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นอุทาหรณ์สำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ใช้รถใช้ถนน ไม่ว่าจะขับรถรุ่นไหน ราคาเท่าไร หรือมีฐานะอย่างไร ทุกคนล้วนมีโอกาสทำผิดพลาดได้ และการควบคุมอารมณ์ในขณะขับขี่นั้นสำคัญอย่างยิ่ง
กรณีของพีทสะท้อนให้เห็นว่า แม้ไม่ได้เจตนา แต่เมื่อเกิดผลกระทบกับชีวิตผู้อื่นแล้ว ความรับผิดชอบคือสิ่งที่ต้องทำ และการออกมาเปิดใจยอมรับผิดแม้จะถูกวิจารณ์อย่างหนัก ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเยียวยาและเติบโตในชีวิต





















