“แช่ว่าน” ไม่ใช่แค่แช่น้ำ! ไขความลับพิธีโบราณที่คนไทยโบราณยกให้เป็นของแรง
"พิธีแช่ว่าน สายเขาอ้อ" ตำนานความเชื่อคงกระพันชาตรี กับการเตรียมบทบาทสุดเข้มขลังของ 'โตโน่ ภาคิน' ในขุนพันธ์ 4
ในโลกที่เทคโนโลยีและความทันสมัยเข้าครอบงำชีวิตประจำวันอย่างไม่หยุดยั้ง การหันกลับไปสู่รากเหง้าทางวัฒนธรรมและความเชื่อพื้นบ้านจึงกลายเป็นสิ่งที่หาได้ยากขึ้นทุกวัน หนึ่งในพิธีกรรมโบราณที่ยังคงหลงเหลือและถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ก็คือ "พิธีแช่ว่าน" ของ สายวิชาเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง ที่ผูกพันกับตำนานความคงกระพันชาตรีและพลังป้องกันภัยอันตรายจากสิ่งชั่วร้ายมาอย่างยาวนาน และสิ่งที่ทำให้พิธีนี้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งก็คือ การที่นักแสดงหนุ่มชื่อดัง “โตโน่ – ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” ได้เข้าร่วมพิธีเพื่อเตรียมตัวสำหรับการรับบท “เสือดำ” ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง “ขุนพันธ์ 4”
พิธีแช่ว่าน: ตำนานสายเขาอ้อและความเชื่อเรื่องคงกระพัน
สายวิชา “เขาอ้อ” คือหนึ่งในตำนานสายไสยเวทไทยที่มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี โดยมีต้นกำเนิดในเขตภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดพัทลุง ที่ซึ่งวัดเขาอ้อถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งวิชามหาเวทย์อาคม ซึ่งมีทั้งพระเกจิและจอมขมังเวทย์ชื่อดังมากมายสืบทอดวิชากันมาจากรุ่นสู่รุ่น พิธีกรรมหนึ่งที่ได้รับการยกย่องว่าเข้มขลังที่สุดของสายเขาอ้อก็คือ “พิธีแช่ว่าน” หรือ “แซ่ว่าน” ซึ่งมีความหมายถึงการแช่ร่างกายลงในน้ำที่ปรุงด้วยสมุนไพรและว่านยาหายากจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และเพิ่มความคงกระพันชาตรีให้กับผู้ร่วมพิธี
เงื่อนไขการเข้าร่วมพิธี: ศีลธรรม ความตั้งใจ และความศรัทธา
การเข้าร่วมพิธีแช่ว่านไม่ใช่เรื่องเล่นหรือการแสดงโชว์ ผู้ที่จะเข้าร่วมจะต้องมีจิตใจแน่วแน่ เคารพในครูบาอาจารย์ และที่สำคัญที่สุดคือต้องถือศีล 5 อย่างเคร่งครัด พร้อมปฏิบัติตามข้อห้ามที่ห้ามฝ่าฝืนโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจเกิดผลกระทบร้ายแรง ซึ่งข้อห้ามเหล่านี้ได้แก่:
ห้ามผิดลูกผิดเมียของผู้อื่น
ห้ามมีเพศสัมพันธ์แบบผิดธรรมชาติ
ห้ามรับประทานอาหารดิบหรืออาหารต้องห้าม เช่น ปลาไม่มีเกล็ด
ห้ามนอนใต้คานหรือใต้บันไดบ้าน
ห้ามด่าทอบุพการีหรือครูบาอาจารย์
ห้ามคบหาผู้หญิงที่ "ค่อมดวง"
ข้อปฏิบัติเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยชำระจิตใจของผู้เข้าร่วมให้สะอาดบริสุทธิ์ แต่ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อวิชาและจิตวิญญาณของพิธีกรรมอีกด้วย
โตโน่กับความตั้งใจเพื่อบทบาท "เสือดำ"
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้พิธีแช่ว่านกลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมคือกรณีของ “โตโน่ – ภาคิน” นักแสดงชื่อดังที่เคยผ่านผลงานการแสดงหลากหลายแนว ล่าสุดกับภารกิจสุดท้าทายในภาพยนตร์ “ขุนพันธ์ 4” เขาได้รับบทเป็น “เสือดำ” นักเลงยุคเก่าที่ต้องมีความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมพลังอาคมที่ไม่ธรรมดา
เพื่อถ่ายทอดบทบาทนี้ให้ออกมาสมจริง โตโน่จึงตัดสินใจเข้าร่วมพิธีแช่ว่านกับพระอาจารย์และจอมขมังเวทย์ตัวจริง ณ วัดในเตา จังหวัดตรัง ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญที่เขายอมรับว่าหาไม่ได้อีกในชีวิต
เขาเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า
“จริง ๆ แล้วผมจะต้องสร้างตัวละครให้สมจริง จะต้องถ่ายหนังช่วงเดือนพฤศจิกายน ตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่อยู่ในยุคเก่า มันมาจากความตั้งใจที่อยากจะศึกษาคนยุคนั้นให้ได้มากที่สุด พอได้เจอกับพระอาจารย์ และเจอพิธีแบบนี้ รับรู้ได้เลยว่า ตัวเองจะไม่มีโอกาสเจออะไรแบบนี้อีกแล้วในชีวิตนี้ เพราะแต่ละคนเป็นตัวจริง พิธีกรรมก็ไม่ได้ทำกันบ่อย ๆ หลายสิบปีถึงจะมีสักครั้งหนึ่ง”
พิธีแช่ว่านแบบเข้มข้น: 7 วัน 9 รอบ แช่จริง 3-4 วัน
พิธีแช่ว่านของโตโน่กินเวลาทั้งหมด 7 วัน โดยมีการแช่จริงประมาณ 3-4 วันในบ่อน้ำที่เตรียมสมุนไพรไว้แน่นขนัด ว่านที่ใช้มีมากกว่า 200 ชนิด รวมทั้ง ว่าน 108 ที่เป็นสุดยอดของสมุนไพรตามตำราโบราณ
แต่ละวัน โตโน่ต้องทำสมาธิอย่างแน่วแน่เพื่อเข้าแช่น้ำในเรือสมุนไพร มีทั้งน้ำร้อนจัดและน้ำเย็นจัดสลับกัน เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจ ในแต่ละรอบยังมีบทสวดที่แตกต่างกันในแต่ละสายวิชา ซึ่งใช้เวลาแช่ต่อรอบนานกว่าชั่วโมง
เขายังเล่าด้วยว่า ระหว่างพิธีไม่ได้รู้สึกกลัว แต่รู้สึกถึงพลังและความขลังของพิธี และถือเป็นเกียรติที่ได้เข้าร่วมพิธีที่มีมาตั้งแต่โบราณอย่างแท้จริง
ความสำคัญของพิธีในยุคปัจจุบัน
แม้ในปัจจุบันพิธีกรรมเช่นนี้จะดูห่างไกลจากวิถีชีวิตของคนเมืองหรือคนรุ่นใหม่ แต่การที่โตโน่เลือกเข้าร่วมด้วยความศรัทธา และความตั้งใจที่จะเข้าถึงบทบาททางการแสดงอย่างลึกซึ้ง ทำให้เกิดคำถามต่อสังคมว่า “เราเคยรู้จักรากเหง้าของวัฒนธรรมไทยดีพอหรือยัง?” พิธีแช่ว่านไม่ใช่เพียงแค่พิธีทางไสยศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการฝึกวินัย ฝึกจิต และแสดงความเคารพต่อสิ่งที่มองไม่เห็นอย่างนอบน้อม
สรุป
“พิธีแช่ว่าน” ของสายเขาอ้อไม่ใช่เพียงแค่พิธีกรรมทางความเชื่อ แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธา วินัย และความตั้งใจของผู้ที่เข้าร่วม ที่สำคัญยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทยที่ควรได้รับการอนุรักษ์ไว้ และการที่คนรุ่นใหม่อย่าง “โตโน่ ภาคิน” เลือกศึกษาและเข้าร่วมด้วยความเคารพ ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าแม้โลกจะหมุนเร็วแค่ไหน แต่ความศรัทธาและรากเหง้าก็ยังคงทรงพลังอยู่เสมอ
อ้างอิงจาก: หนุ่มคงกระพันfc
















