“ใช้ชีวิตอย่างมีสติ เมื่อวัยล่วงเลย”
เมื่อกาลเวลาผ่านไป ร่างกายเราอาจอ่อนแรงลง แต่ “ใจ” และ “ปัญญา” กลับเติบโตขึ้นอย่างมีคุณค่า การใช้ชีวิตในวัยที่ล่วงเลยจึงไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า หากแต่เป็นช่วงเวลาอันงดงามที่สุดของชีวิต หากเรา “อยู่กับปัจจุบัน” อย่างมีสติ
1. ยอมรับการเปลี่ยนแปลงด้วยใจที่สงบ
อายุที่เพิ่มขึ้นนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งร่างกายที่ไม่เหมือนเดิม คนรอบตัวที่บางครั้งก็ห่างหาย แต่สิ่งหนึ่งที่เราทำได้ คือ “ยอมรับ” โดยไม่ทุกข์ เพราะธรรมดาของชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง หากใจยอมรับได้ ใจก็จะเป็นอิสระ
2. อยู่กับปัจจุบันให้เต็มที่
อดีตคือความทรงจำ อนาคตคือสิ่งที่ยังไม่เกิด ปัจจุบันคือของขวัญที่เรามี การฝึกอยู่กับสิ่งที่ทำตรงหน้า เช่น ล้างจานอย่างรู้ตัว เดินอย่างรู้สึก หรือแม้แต่นั่งเงียบ ๆ แล้วรับรู้ลมหายใจเข้าออก สิ่งเหล่านี้ คือการเจริญสติ ที่ช่วยให้ใจเราสงบ และเห็นคุณค่าของทุกวินาทีที่ยังมีลมหายใจ
3. ลดการคาดหวัง เพิ่มการให้อภัย
ความคาดหวังทำให้ใจเราผูกติดกับสิ่งที่อยู่นอกตัว บางครั้งเรารอให้ลูกหลานมาหา รอคำพูดดี ๆ จากใครสักคนแต่ความสุขแท้จริงคือการ “ไม่รอ” อะไรจากใคร แล้วหันมาให้ “ความเมตตา” กับตัวเองและผู้อื่นแทนให้อภัยในสิ่งที่ผ่านมา ปล่อยวางในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แล้วใจจะเบาสบาย
4. ให้คุณค่ากับตัวเอง แม้โลกจะเปลี่ยน
หลายคนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีบทบาทเหมือนแต่ก่อน อย่าลืมว่า…ชีวิตเราไม่ได้วัดจาก “ประโยชน์” ที่ให้คนอื่นเท่านั้น แต่ยังวัดจาก “ความสงบ” และ “ความสุข” ที่เรามีในใจ การนั่งฟังเสียงนกตอนเช้า การยิ้มให้คนข้างบ้าน หรือแม้แต่การปลูกต้นไม้เล็ก ๆ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง
5. ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง
ไม่ต้องวิ่งตามโลก แต่ให้ใจเดินตามธรรมชาติของชีวิต กินพอดี อยู่พอเพียง นอนหลับให้ดี มีเวลาทำในสิ่งที่รัก ชีวิตที่ดูธรรมดา อาจเป็นชีวิตที่ “ลึกซึ้ง” ที่สุด หากมีสติคอยประคองใจ
เมื่อวัยล่วงเลย สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่ความตื่นเต้นเหมือนวันหนุ่มสาว แต่คือ “ความสงบ” และ “ความเข้าใจชีวิต” การใช้ชีวิตอย่างมีสติ คือการเดินอย่างรู้ทาง พูดอย่างรู้ความ และคิดอย่างรู้เท่าทันแม้กายจะชรา แต่ใจเรายังเลือกที่จะ “เบิกบาน” ได้เสมอ











