แห่แชร์คลิป! "พิธา" พูดถึงผลกระทบจากทรัมป์หากขึ้นเป็นประธานาธิบดี
ผลกระทบจากนโยบายภาษีตอบโต้ของรัฐบาลทรัมป์ แนวโน้มที่น่าเป็นห่วงสำหรับเศรษฐกิจไทย
จากการประกาศนโยบายภาษีตอบโต้ของรัฐบาลทรัมป์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างไทย การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในเรื่องนี้ไม่เพียงแต่สะเทือนเศรษฐกิจโลก แต่ยังทำให้หลายประเทศต้องหันกลับมาทบทวนกลยุทธ์การค้าระหว่างประเทศของตน ซึ่งประเทศไทยก็ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้นที่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากนโยบายนี้ได้
ในปัจจุบัน ภาวะเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการใช้นโยบายภาษีตอบโต้ที่รัฐบาลทรัมป์ได้ดำเนินการมาต่อเนื่องในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และในระยะเวลาไม่นานหลังจากที่ทรัมป์ได้กลับมาชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2567 ความกังวลจากหลายฝ่ายเกี่ยวกับการขึ้นภาษีสินค้าจากประเทศคู่ค้า รวมถึงประเทศไทย ซึ่งได้ถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบในระดับที่ค่อนข้างหนัก สร้างความวิตกกังวลให้กับชาวเน็ตไทยที่เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจของประเทศ
- นโยบายภาษีตอบโต้ของทรัมป์ ผลกระทบที่ไม่ควรมองข้าม
นโยบายภาษีตอบโต้ที่รัฐบาลทรัมป์ดำเนินการตั้งแต่ครั้งแรกในการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ได้มีการตั้งเป้าหมายหลักในการลดการขาดดุลทางการค้าและส่งเสริมการผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการใช้ภาษีสูงขึ้นกับสินค้าที่นำเข้าจากประเทศที่มีการค้าส่งออกเกินดุลกับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะประเทศที่มีการส่งออกสินค้าจำนวนมากไปยังตลาดสหรัฐฯ รวมถึงจีน, เม็กซิโก, และไทย ซึ่งไทยเองอยู่ในอันดับที่ 12 ของประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยที่ยอดการค้าของไทยกับสหรัฐอเมริกาในปี 2016 ได้หายไปถึง 10%
สำหรับประเทศไทยนั้น การที่รัฐบาลทรัมป์ได้ขึ้นภาษีสินค้าอย่างมีนัยสำคัญหมายถึงว่า ไทยจะต้องเผชิญกับผลกระทบในหลายด้าน ตั้งแต่ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น, การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา, จนถึงการต้องปรับกลยุทธ์การส่งออกที่อาจมีความท้าทายยิ่งขึ้น
- การคาดการณ์และการเตือนของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในกรณีที่โดนัลด์ ทรัมป์ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความน่าสนใจและสะเทือนวงการเศรษฐกิจของไทย
คุณพิธาได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจไทยอาจได้รับผลกระทบจากนโยบายที่ทรัมป์จะดำเนินการในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องการที่ไทยมีสถานะเกินดุลกับสหรัฐฯ ซึ่งทรัมป์อาจมองว่าเป็นการสร้างความไม่สมดุลทางการค้าและอาจใช้วิธีการขึ้นภาษีสินค้าเพิ่มเติม โดยอ้างว่าไทยและเวียดนามเป็นสองประเทศในอาเซียนที่ส่งออกเกินดุลไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจจะกลายเป็นเป้าหมายในการใช้มาตรการภาษีตอบโต้
คุณพิธายังได้เตือนรัฐบาลไทยถึงความสำคัญในการเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง โดยกล่าวว่าการค้าระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกาและในระดับอาเซียนควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ไทยสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การวางแผนเชิงกลยุทธ์ในการรับมือกับผลกระทบ
จากคำเตือนของคุณพิธา สิ่งที่รัฐบาลไทยและภาคธุรกิจไทยต้องทำในช่วงนี้คือต้องเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการขึ้นภาษีสินค้าและการกีดกันทางการค้าที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยการทบทวนกลยุทธ์การค้าระหว่างประเทศเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
หนึ่งในทางเลือกที่อาจช่วยให้ไทยลดผลกระทบจากนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา คือการกระจายตลาดการส่งออกไปยังภูมิภาคอื่น ๆ นอกจากสหรัฐฯ เช่น การขยายตลาดในอาเซียน, เอเชีย, และยุโรป เพื่อไม่ให้ไทยพึ่งพิงแค่ตลาดสหรัฐฯ มากเกินไป นอกจากนี้ การเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศให้สามารถแข่งขันได้ในระดับโลกก็เป็นปัจจัยที่สำคัญที่รัฐบาลไทยควรให้ความสำคัญ
- ความท้าทายในการเป็น "Backdoor" ของจีน
อีกประเด็นหนึ่งที่คุณพิธาได้กล่าวถึงคือเรื่องการที่ไทยถูกมองว่าเป็น "Backdoor" หรือ "หลังบ้าน" ให้กับจีน ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ไทยต้องเผชิญกับมาตรการทางเศรษฐกิจจากสหรัฐอเมริกา หากสถานการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไป ประเทศไทยอาจต้องเผชิญกับการกดดันจากสหรัฐฯ ในด้านการค้า ซึ่งอาจจะทำให้ไทยต้องปรับยุทธศาสตร์ทางการค้าและเศรษฐกิจใหม่
บทสรุป: ความสำคัญของการเตรียมความพร้อม
การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง ได้สร้างความวิตกกังวลในหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในเรื่องของการขึ้นภาษีสินค้าจากไทยและการถูกกดดันจากสหรัฐอเมริกาในเรื่องของการค้ากับจีน สิ่งที่รัฐบาลไทยควรทำในตอนนี้คือการเตรียมความพร้อมสำหรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และพัฒนาแนวทางการค้าระหว่างประเทศเพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนได้
อ้างอิงจาก: ภาพจาก กรรมกรข่าวคุยนอกจอ















