สวนกันหมัดต่อหมัด ทรัมป์ขึ้นภาษีจีน 104%
เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนเป็น 104% โดยแบ่งเป็นภาษีตอบโต้ 34%, ภาษีเดิม 20% และภาษีใหม่ 50% เพื่อเป็นการตอบโต้ที่จีนยังคงเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ การขึ้นภาษีครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ประสบกับความผันผวนอย่างมาก
สวนกันหมัดต่อหมัด
ในขณะเดียวกัน จีนได้ตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษีสินค้าสหรัฐฯ เป็น 84% จากเดิม 34% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2568 เพื่อตอบสนองต่อการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในครั้งนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก นักลงทุนหันไปถือสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ และสกุลเงินฟรังก์สวิส ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงถึง 3,005 ดอลลาร์ต่อออนซ์
โดนลูกหลงแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่
นอกจากนี้ ประเทศอื่นๆ เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ก็ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ โดยสหภาพยุโรปถูกเก็บภาษี 20%, ญี่ปุ่น 24% และเกาหลีใต้ 25% การดำเนินนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้าง "การประกาศเอกราชทางเศรษฐกิจ" โดยมุ่งหวังที่จะรื้อถอนอุปสรรคทางการค้าต่างประเทศและส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเตือนว่าการเพิ่มภาษีในระดับนี้อาจทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย และส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว














