ชัดเจนไม่ต้องเดา! อ.ประจักษ์ชัย ฝากถึง แม่-เอ๋ มิรา หลังเคยเสี่ยงติดคุกช่วยเหลือ
"ครูไพบูลย์ โพสต์ขอบคุณแม่เอ๋ มิรา หลังยุติคดีพรากผู้เยาว์ที่ยืดเยื้อมานานหลายปี พร้อมยอมจ่ายค่าเสียหายกว่า 8 แสนบาท ขณะที่ อ.ประจักษ์ชัย เปิดใจผิดหวังแต่ขออโหสิกรรม ตั้งหน้าขายปลาร้าต่อ"
กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากสังคมอีกครั้ง สำหรับกรณีของครูไพบูลย์ แสงเดือน ที่มีคดีความยืดเยื้อเกี่ยวกับเรื่องพรากผู้เยาว์ที่เกี่ยวข้องกับอดีตภรรยา "เอ๋ มิรา" ซึ่งเป็นคดีที่หลายคนจับตาและเฝ้าติดตามมาอย่างยาวนานหลายปี ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ครูไพบูลย์ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านโพสต์ขอบคุณแม่ของเอ๋ มิรา และทีมทนายความที่ช่วยในการยื่นแถลงต่อศาล โดยระบุว่าทางฝ่ายคุณแม่ของเอ๋ มิรา ได้แถลงต่อศาลว่า "ไม่ติดใจเอาความอีกต่อไป" นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของคดีนี้ที่เคยเป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการบันเทิงและสังคมไทย
ในโพสต์ดังกล่าว ครูไพบูลย์ได้เขียนข้อความที่แสดงออกถึงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง โดยระบุว่า "ผมไม่เคยโกรธใครเลยในเรื่องนี้ และพร้อมที่จะเดินหน้าทำหน้าที่พ่อให้ดีที่สุด" ซึ่งคำพูดนี้เองได้สร้างความรู้สึกประทับใจให้กับแฟน ๆ และผู้ที่ติดตามข่าวสารของครอบครัวนี้มาอย่างยาวนาน หลายคนมองว่านี่คือสัญญาณของการยุติความขัดแย้งระหว่างครูไพบูลย์และครอบครัวของเอ๋ มิรา ที่เคยบาดหมางกันในอดีต
ด้านทนายพัฒน์ ทนายความของครูไพบูลย์ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเจรจาข้อตกลงว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้เป็นที่เรียบร้อย โดยครูไพบูลย์แสดงความจริงใจด้วยการยินยอมชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินถึง 800,000 บาท ซึ่งมากกว่าที่ศาลกำหนดไว้ในเบื้องต้นเพียง 350,000 บาท เท่ากับว่าครูไพบูลย์ยอมจ่ายมากกว่าเดิมถึงกว่าเท่าตัว เพื่อให้คดีความจบลงอย่างราบรื่นและเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนทางฝั่งของคุณแม่เอ๋ มิรา ก็ได้แถลงต่อหน้าศาลว่า "ไม่ติดใจดำเนินคดีอีกต่อไป" ทำให้คดีนี้จบลงด้วยความเข้าใจของทั้งสองฝ่าย ถือเป็นการปิดฉากคดีที่เคยเป็นกระแสสังคมมาอย่างยาวนาน ด้วยการเจรจาและความร่วมมือกันอย่างมีเหตุมีผลของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม หลังข่าวการยุติคดีเผยแพร่ออกไป อาจารย์ประจักษ์ชัย ไหทองคำ ผู้ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาและช่วยเหลือเอ๋ มิรา มาโดยตลอด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดใจแสดงความผิดหวังที่ไม่ได้รับการปรึกษาหรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการยุติคดีครั้งนี้ โดยระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เขาได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก เคยขึ้นศาลมากถึง 7 ครั้ง และยังเคยเกือบติดคุก รวมถึงเสียค่าใช้จ่ายส่วนตัวไปนับล้านบาท
ข้อความของอาจารย์ประจักษ์ชัย ระบุว่า
"ผิดหวังนะครับ ไม่ได้รับการปรึกษาหรือแจ้งข่าวล่วงหน้า ทั้งที่ช่วยเหลือมาตลอด ไม่เคยทิ้งกัน แต่ก็ขออโหสิกรรมต่อกัน เจ้ากรรมนายเวร ต่อไปขอเดินหน้าขายปลาร้าอย่างเดียวแล้วกัน"
ข้อความนี้สะท้อนความรู้สึกภายในใจของอาจารย์ประจักษ์ชัยที่คงจะรู้สึกผิดหวังไม่น้อย แต่ขณะเดียวกันก็แสดงออกถึงการให้อภัย และการพร้อมเดินหน้าต่อไปในเส้นทางของตัวเอง ซึ่งได้รับการชื่นชมจากชาวเน็ตจำนวนมากว่าเป็นการวางตัวที่น่ายกย่อง และแสดงถึงความมีวุฒิภาวะ
หลังจากที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง ชาวเน็ตต่างก็มีความคิดเห็นหลากหลาย หลายคนรู้สึกยินดีที่เรื่องราวยืดเยื้อมานานหลายปีนี้ได้จบลงอย่างสงบและเป็นธรรม พร้อมทั้งแสดงความชื่นชมในท่าทีของครูไพบูลย์ที่ยอมจ่ายค่าเสียหายมากกว่าที่ศาลกำหนดเพื่อจบเรื่องอย่างสันติ
ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงสะท้อนถึงความรู้สึกของอาจารย์ประจักษ์ชัย ว่าเข้าใจถึงความผิดหวังที่ไม่ได้รับการปรึกษาหรือการแจ้งข่าวล่วงหน้า เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา อาจารย์ประจักษ์ชัยทุ่มเทช่วยเหลือเอ๋ มิรามาโดยตลอด แต่สุดท้ายกลับไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจในครั้งนี้
ในท้ายที่สุด ครูไพบูลย์ยืนยันว่าจะขอทำหน้าที่ "พ่อ" ให้ดีที่สุด และเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็ง ส่วนทางฝ่ายเอ๋ มิรา และครอบครัวก็ได้รับความเป็นธรรมตามที่ควรได้รับ ขณะที่อาจารย์ประจักษ์ชัย แม้จะรู้สึกผิดหวัง แต่ก็เลือกที่จะให้อภัยและตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองต่อไป
เรื่องราวทั้งหมดนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สังคมควรเรียนรู้ว่าความขัดแย้งหรือปัญหาใด ๆ เมื่อถึงจุดหนึ่ง การเลือกที่จะให้อภัยและเจรจาอย่างเปิดใจ อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย
อ้างอิงจาก: ภาพจากFB:ประจักษ์ชัย ไหทองคำ






















