ทักษิณ ฟาดแรง! ไฮโซเก๊ แอบอ้างไม่หยุด ฝากตำรวจลากคอเข้าคุกให้ได้
ทักษิณ ชินวัตร สวนกลับกรณี "ไฮโซเก๊" แอบอ้างความสนิท ยันต้องเอาเข้าคุก! เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อกลลวงแชทปลอม
เป็นประเด็นร้อนแรงที่สังคมกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้ สำหรับกรณี "ไฮโซเก๊" หรือที่หลายคนรู้จักในนาม "ท่านทิพย์" ชายหนุ่มผู้ตกเป็นข่าวฉาวจากการแอบอ้างตนว่าเป็นข้าราชการระดับสูง และอวดอ้างความใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญของประเทศ รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและหลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะกรณีที่มีการปลอมแปลงข้อความสนทนาในแชท และนำมาเผยแพร่ในลักษณะที่ทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิด คิดว่าเขาได้รับการสนับสนุนหรือรู้จักมักคุ้นกับบุคคลระดับสูงเหล่านี้จริง ๆ
ล่าสุด วันที่ 8 เมษายน 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดใจผ่านคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก "เรื่องเล่าเช้านี้" โดยแสดงความเห็นอย่างชัดเจนถึงกรณีดังกล่าว พร้อมฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด โดยระบุว่า "ต้องเอาเข้าคุก" เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป พร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อการแอบอ้างที่ไร้ความจริงเช่นนี้
นายทักษิณ กล่าวในคลิปด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ตนเองไม่เคยรู้จักหรือมีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับบุคคลที่เรียกตัวเองว่า "ไฮโซเก๊" หรือ "ท่านทิพย์" และยืนยันว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมามักมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปด้วยจำนวนมาก โดยเฉพาะในงานสาธารณะหรือพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ แต่การถ่ายรูปด้วยไม่ใช่การแสดงความสนิทสนม หรือความเกี่ยวข้องใกล้ชิดแต่อย่างใด จึงอยากให้ประชาชนได้ตระหนักและเข้าใจตรงกัน ไม่ควรหลงเชื่อหรือเข้าใจผิดเมื่อเห็นภาพถ่ายหรือข้อความแชทปลอม ๆ ที่นำไปใช้ในทางหลอกลวง
“เดินไปที่ไหน มีแต่คนมาขอถ่ายรูป ฝากประชาชนอย่าไปเชื่อว่าเขามาสนิทกับตน” นายทักษิณกล่าวอย่างชัดเจน พร้อมย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่หลอกลวงและบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งไม่ควรปล่อยปละละเลยอย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้ ท่าทีของนายทักษิณ ยังสอดคล้องกับที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยยืนยันหนักแน่นว่า ตนไม่เคยรู้จักหรือเคยพูดคุยกับชายที่ถูกเรียกว่า "ไฮโซมา" หรือ "ไฮโซเก๊" รายนี้เลยแม้แต่น้อย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ยังย้ำด้วยว่า การแอบอ้างว่ามีการสนทนาผ่านแชทกับตนนั้น "ไม่เป็นความจริง" และเป็นการปลอมแปลงข้อมูลขึ้นมาโดยสิ้นเชิง
เธอยังเปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เคยได้รับทราบว่ามีบุคคลบางกลุ่มนำชื่อของเธอไปแอบอ้างเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือขอให้ดำเนินการต่าง ๆ โดยอ้างความใกล้ชิดเป็นเครื่องมือ แต่ยืนยันว่าเธอไม่เคยรู้จักกับบุคคลเหล่านี้ และไม่เคยส่งข้อความส่วนตัวไปยังใครเพื่อขอการสนับสนุนทางการเงินหรือในรูปแบบใด ๆ ทั้งสิ้น
"ดิฉันไม่มีเวลาทำอะไรแบบนั้น ขอให้อย่าเชื่อ และข้อความหรือแชทที่เห็นเป็นของปลอม ไม่เป็นความจริง" นายกรัฐมนตรีแพทองธารกล่าวย้ำ พร้อมฝากถึงประชาชนว่า ให้ใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูลข่าวสาร และไม่หลงเชื่อการแอบอ้างที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ยังกล่าวเสริมอีกว่า ด้วยประสบการณ์ของครอบครัวที่เคยเผชิญเหตุการณ์ทำนองนี้มาหลายครั้ง ตนเองยิ่งระมัดระวังเป็นพิเศษ และจะไม่มีวันเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายหรือการแอบอ้างในลักษณะนี้อย่างแน่นอน
กรณีนี้ไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของบุคคลสำคัญ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมหลอกลวงที่อาศัยชื่อเสียงของบุคคลที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือมาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน ซึ่งถือเป็นภัยต่อสังคมที่ไม่ควรมองข้าม และต้องได้รับการจัดการอย่างจริงจัง
นายทักษิณยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า การปล่อยให้บุคคลเหล่านี้ลอยนวล อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม และเป็นช่องโหว่ให้เกิดการหลอกลวงประชาชนรายอื่น ๆ ได้อีก จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อปกป้องประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการหลอกลวงในรูปแบบต่าง ๆ
การออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนของทั้งนายทักษิณ และนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการตอกย้ำว่า ไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน ตระกูลชินวัตรไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้จักกับบุคคลที่นำชื่อเสียงของพวกเขาไปแอบอ้างอย่างแน่นอน และหวังว่าความชัดเจนนี้จะช่วยให้ประชาชนตระหนักรู้ และไม่ตกเป็นเหยื่อของกลลวงในรูปแบบนี้อีกต่อไป
อ้างอิงจาก: เพจFB: เรื่องเล่าเช้านี้ และ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว








