แม่สุดเศร้า! เปิดใจเล่าถึงวีรกรรมมือฆาตกรรม “น้องโฟกัส”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 3 เมษายน 2568 ได้ทิ้งความโศกเศร้าและความเจ็บปวดให้แก่ครอบครัวของ น้องโฟกัส หรือ ณัฐนิชา อายุ 18 ปี ซึ่งได้เสียชีวิตอย่างโหดร้ายจากการกระทำของ นายนพณัฐ อายุ 19 ปี แฟนหนุ่มที่เป็นลูกบุญธรรมของนักการเมืองท้องถิ่นแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยนาท โดยศพของน้องโฟกัสถูกทิ้งไว้ในทุ่งนาในหมู่ 6 ตำบลหันคา อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท คดีนี้ทำให้สังคมตกใจและสลดใจเพราะน้องโฟกัสเป็นเด็กสาวที่มีอนาคตสดใสและกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในมหาวิทยาลัย แต่กลับต้องมาตายอย่างทารุณด้วยน้ำมือของคนที่เธอเคยไว้วางใจ
นาง จีระนันท์ เปรมทอง อายุ 33 ปี แม่ของน้องโฟกัส เผยว่าเมื่อแรกเริ่มตนไม่รู้ว่าเธอคบกับนายนพณัฐ แต่หลังจากนั้นเมื่อรู้ก็บอกให้ลูกเลิกกับเขา เนื่องจากเคยมีปัญหามาก่อน หนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้แม่ของน้องโฟกัสตัดสินใจเตือนลูกคือเรื่องการที่นายนพณัฐเอารูปน้องโฟกัสในลักษณะส่วนตัวไปประจานในโซเชียลมีเดียเมื่อกลางปี 2567 ซึ่งสร้างความอับอายให้กับครอบครัวอย่างมาก หลังจากนั้นแม่ของน้องโฟกัสได้แจ้งความเอาผิดแล้ว แต่เรื่องก็เงียบหายไป จนกระทั่งในเดือนพฤศจิกายน 2567 เขากลับมาโพสต์ภาพที่ทำให้เกิดความเสียหายอีกครั้ง ซึ่งทำให้แม่ของน้องโฟกัสบอกให้ลูกหยุดคบกับเขาอย่างเด็ดขาด
แม่ของน้องโฟกัสกล่าวว่า “พอเห็นเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่อยากให้ลูกไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกเลย อยากให้ลูกตั้งใจเรียนให้จบก่อน และเลิกคบกับเขาไปเลย” แต่แม้ว่าผู้เป็นแม่จะเตือนลูกอย่างหนัก แต่เหตุการณ์ที่ตามมากลับยังไม่จบลงตรงนั้น
เมื่อเดือนธันวาคม 2567 มีเหตุการณ์ที่นายนพณัฐได้มาเบิ้ลรถหน้าบ้านของครอบครัวของน้องโฟกัสและยังปาข้าวของใส่หลังคาบ้านอีกด้วย ซึ่งเป็นการกระทำที่อุกอาจและรุนแรง แม้ในตอนนั้นครอบครัวจะไปแจ้งความแล้ว แต่เพราะไม่มีหลักฐานทางกฎหมาย จึงไม่สามารถเอาผิดได้ นอกจากนี้ยังมีการทำร้ายทางจิตใจด้วยการส่งข้อความและการคุกคามด้วยการเบิ้ลรถอยู่หลายครั้ง ทำให้แม่ของน้องโฟกัสเริ่มเห็นท่าทีของความไม่ปลอดภัยในความสัมพันธ์นี้ และพยายามขัดขวางไม่ให้ลูกสาวคบหากับเขาต่อไป
ในวันที่ 22 มีนาคม 2568 น้องโฟกัสได้เรียนจบชั้น ม.6 จากโรงเรียนหันคาพิทยาคม และกำลังเตรียมตัวเพื่อเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย แต่เธอกลับต้องมาตายด้วยน้ำมือของคนที่เธอเคยรักและไว้ใจ วันเกิดเหตุ น้องโฟกัสได้ส่งข้อความในไลน์บอกแม่ว่าไปกินหมูกระทะกับเพื่อน แต่เมื่อแม่พยายามติดต่อกลับ โทรไปก็ไม่รับสาย ไม่ตอบข้อความ ผ่านไปสักพักก็มีคนโทรมาบอกให้ไปดูศพที่ทุ่งนา ตนเองยังทำใจยอมรับไม่ได้เมื่อเห็นร่างของลูกที่ไร้วิญญาณ
เจ้าของทุ่งนาในบริเวณที่เกิดเหตุ นายศุภชัย สุริวงศ์ อายุ 49 ปี เล่าว่าเมื่อมาทำนาในวันนั้น เขาได้เหลือบไปเห็นร่างของน้องโฟกัสในทุ่งนา แต่ในตอนแรกคิดว่าเป็นตุ๊กตาที่ใครบางคนทิ้งไว้ เพราะรูปร่างของน้องโฟกัสดูเล็กและมีผิวขาวจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก กระทั่งในช่วงเย็นเพื่อนมาบอกว่าเห็นกองเลือด ทำให้เขาตัดสินใจไปดูอีกครั้งและพบว่าเป็นศพของน้องโฟกัสจริงๆ จากนั้นเขาได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
ด้าน นายสุชาติ รุ่งเรือง อายุ 62 ปี กล่าวว่าในช่วงเวลาตี 2 เขาได้มาที่ทุ่งนาเพื่อเปิดน้ำเข้านาและเห็นเลือดกองใหญ่ที่ริมถนน ซึ่งในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อตอนเย็นวันเดียวกัน เขาได้คุยกับนายศุภชัยและรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสงสัยจึงตัดสินใจไปดูอีกครั้งจนพบว่ามันคือศพของน้องโฟกัส
น้องโฟกัสเพิ่งเรียนจบมัธยมปลายจากโรงเรียนหันคาพิทยาคมและสอบติดคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ สาขาการตลาดที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เธอเป็นเด็กสาวที่มีความมุ่งมั่นและอนาคตสดใสรออยู่ แต่เหตุการณ์นี้กลับทำให้เธอต้องจากไปก่อนวัยอันควร ครอบครัวของน้องโฟกัสต่างรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งกับการจากไปของเธอ โดยเฉพาะแม่ที่เพิ่งจะเตรียมตัวพาลูกไปหอพักเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในมหาวิทยาลัย
จากเหตุการณ์นี้ แม่ของน้องโฟกัสกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ลูกกำลังจะไปได้ดี มีอนาคตสดใส กลับต้องมาจบชีวิตลงด้วยมือของคนใจเหี้ยม” และจะเดินหน้าฟ้องร้องให้ถึงที่สุด ไม่ว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นใครก็ตาม เพราะความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับลูกสาวของเธอนั้นไม่สามารถยอมรับได้

















