วัณโรคยังคงเป็นปัญหาที่น่ากังวลในภูฏาน
จำนวนผู้ป่วยวัณโรค ในภูฏานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ โดยเฉลี่ยแล้ว มีผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มขึ้นปีละ 22 ราย
ในปี 2024 ภูฏานบันทึกผู้ป่วย 920 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยวัณโรคดื้อยา 66 ราย และ มีผู้เสียชีวิต 36 ราย และ จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า "ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด 920 ราย เป็นวัณโรคปอด 602 ราย และเป็นวัณโรคนอกปอด 318 ราย" และ ถึงแม้ว่าวัณโรคจะสามารถป้องกันและรักษาได้ แต่ยังคงเป็นหนึ่งในโรคติดเชื้อ ที่ร้ายแรงที่สุดในโลกอยู่ดี
องค์การอนามัยโลก ประมาณการว่า "จะมีผู้เสียชีวิตจากวัณโรค เกือบ 4,000 รายต่อวัน และป่วยหนักเกือบ 28,000 รายต่อวัน"
ในภูฏาน โรควัณโรคยังคงเป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มประชากร ที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ประมาณร้อยละ 83% ของผู้ป่วยเกิดขึ้นในกลุ่มอายุ 15-44 ปี และ การเพิ่มขึ้นของโรควัณโรคดื้อยา และ ความซับซ้อนของการรักษา ก่อให้เกิดข้อกังวลที่เพิ่มมากขึ้น
เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กล่าวว่า "วัณโรคไม่เพียงแต่ทำให้ประสิทธิภาพ การทำงานลดลงเท่านั้น แต่ยังสร้างภาระทางเศรษฐกิจ ให้กับผู้ป่วยอีกด้วย เนื่องจากต้องรักษาอย่างครอบคลุม"
แพทย์คนหนึ่งกล่าวว่า "วัณโรคแพร่กระจายได้ง่าย เมื่อผู้ติดเชื้อไอหรือจาม ทำให้แบคทีเรียฟุ้งกระจายในอากาศ"
ถึงแม้ว่าอัตราการตรวจพบโรคและการรักษาจะดีขึ้น แต่จำนวนผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนาน ก็ยังคงเพิ่มขึ้น วัณโรคดื้อยาหลายขนาน เกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียดื้อยา ที่มีฤทธิ์แรงอย่างน้อย 2 ชนิด ได้แก่ ไอโซไนอาซิด และ ริแฟมพิซิน
ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อ 920 รายในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 864 รายในปี 2023 การติดตามการสัมผัสที่ล่าช้า และ สิ่งอำนวยความสะดวกในการวินิจฉัย ที่จำกัดได้ก่อให้เกิดช่องว่างในการตรวจจับนี้ และ เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของวัณโรค กระทรวงสาธารณสุขไทย ได้เพิ่มความพยายามในการตรวจหาเชื้อ ในกลุ่มผู้ติดต่อใกล้ชิดกับวัณโรคและผู้ป่วยวัณโรคดื้อยา
ภูฏานกำลังใช้เทคโนโลยี "ควา เอไอ" เพื่อการตรวจคัดกรองที่รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยความพยายามดังกล่าวมีขึ้น เพื่อจะขจัดวัณโรค โดยภูฏานตั้งเป้าหมายอันทะเยอทะยาน ที่จะขจัดวัณโรคให้เป็นปัญหาสาธารณสุข ให้หมดสิ้นภายในปี 2030 ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงินประมาณ 22,000 ล้านเหรียญต่อปี สำหรับการป้องกัน การวินิจฉัย การรักษา และ การดูแลวัณโรคเพื่อบรรลุเป้าหมาย
การรักษาโรควัณโรคดื้อยา ยังคงมีราคาแพงกว่าการรักษาโรควัณโรค ที่ไวต่อยาเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ระบบสุขภาพทั่วโลก ต้องแบกรับภาระทางการเงินเพิ่มมากขึ้น...






















