ชาวเน็ตแสดงความไม่พอใจ หญิงลี หลังคอมเมนต์เห็นใจแพรวพราว

ดราม่าของหมอลำสาว "แพรวพราว แสงทอง" ลุกลามมาถึง "หญิงลี ศรีจุมพล" ชาวเน็ตวิจารณ์จนถึงเรื่องราวที่ไม่คาดคิด

เป็นเรื่องราวที่ไม่คาดฝันจริงๆ เมื่อดราม่าของหมอลำสาว แพรวพราว แสงทอง ที่กำลังได้รับความสนใจในโลกโซเชียลมีเดียดันไปลุกลามมาถึง หญิงลี ศรีจุมพล สาวเสียงดีจากวงการเพลงลูกทุ่ง ที่ตอนแรกดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับดราม่าดังกล่าว แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกโยงเข้ามาด้วยการเข้าไปแสดงความคิดเห็นในโพสต์ที่ถูกแชร์ออกมาในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งคำพูดของหญิงลีเองกลับทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตอย่างร้อนแรงและไม่มีท่าทีว่าจะเงียบหายไปในเร็วๆ นี้

ต้นเหตุของดราม่า: แพรวพราว แสงทอง และเรื่องราวของผู้หญิงในวงการบันเทิง

ก่อนที่จะไปถึงเรื่องของหญิงลี ต้องย้อนกลับไปถึงดราม่าหลักที่เกิดขึ้นกับ แพรวพราว แสงทอง หมอลำสาวที่กำลังโด่งดังในวงการเพลงไทย เมื่อเธอได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เคยประสบพบเจอกับชีวิตในวงการบันเทิง โดยเฉพาะการถูกมองข้ามและการต้องเผชิญกับความลำบากในฐานะผู้หญิงในวงการบันเทิง ซึ่งเธอได้พูดถึงการต่อสู้ในชีวิตที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการต้องหาเงินทุกทางหรือแม้แต่การต้องดิ้นรนเพื่อให้ลูกและครอบครัวมีความสุข 

แพรวพราวได้แชร์ความรู้สึกของตัวเองที่เคยรู้สึก เจ็บปวดทรมาน จากการที่ต้องทนทุกข์กับการถูกเยียบย่ำจากสามี ทั้งยังต้องต่อสู้เพื่อลูกและแม่ของลูก ซึ่งเป็นคำพูดที่ดูเหมือนจะสะท้อนถึงความเจ็บปวดในชีวิตส่วนตัวของเธอเอง แต่สิ่งที่ทำให้ดราม่านี้ลุกลามออกไปคือการที่ หญิงลี ศรีจุมพล ซึ่งเป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดังได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าวด้วยข้อความที่ดูเหมือนจะให้ความเห็นหรือแชร์ประสบการณ์ของตัวเองเกี่ยวกับชีวิตในวงการบันเทิง และอาจจะมีการเชื่อมโยงกับเรื่องราวของแพรวพราว

ความคิดเห็นของหญิงลี ที่สร้างความสะเทือนใจในโลกออนไลน์

หญิงลี ศรีจุมพลได้โพสต์แสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ของแพรวพราวว่า:

"ถ้าฉันเป็นผู้หญิง แล้วโดนผัวเยียบย่ำ ไม่เลิก ไม่หยุด ฉันคงเจ็บทรมานาน สงสารลูก แม่ของลูกต้องต่อสู้ดิ้นรนอีกเยอะ แม้แต่ต้องทางบันเทิงและหาเงินทุกทาง"

ข้อความดังกล่าวของหญิงลีดูเหมือนจะพูดถึงสถานการณ์ของผู้หญิงในวงการบันเทิงที่ต้องทนกับความยากลำบากและความเจ็บปวด ซึ่งชาวเน็ตบางส่วนก็เริ่มจับจ้องและนำข้อความนี้ไปโยงกับชีวิตของแพรวพราวและนักร้องลูกทุ่งคนอื่น ๆ จนกลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงในโลกโซเชียล มีการแสดงความคิดเห็นหลากหลายทัศนะจากชาวเน็ต ซึ่งบางคนก็มองว่า หญิงลีเข้ามาในดราม่านี้เพื่อเพิ่มความสนใจให้กับตัวเอง ขณะที่บางคนก็มองว่าเธอกำลังพูดถึงสถานการณ์ของผู้หญิงในวงการบันเทิงทั่วไป

การวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตและการตอบกลับ

หลังจากที่หญิงลีเข้ามาแสดงความคิดเห็นในโพสต์ของแพรวพราว ชาวเน็ตจำนวนมากไม่รอช้าในการออกมาแสดงความคิดเห็นถึงหญิงลี โดยมีหลายความคิดเห็นที่วิพากษ์วิจารณ์เธออย่างรุนแรง ดังนี้

"หลุดพ้นแล้วเด้อแพรวพราว... รถทัวร์ไทย หันหัวไปหาหญิงลีแล้ว" หมายถึงการที่หญิงลีอาจจะพยายามเข้ามาในดราม่าเพื่อเพิ่มความสนใจให้กับตัวเอง

"หาแสงเหรอคะ... จุดเทียน จุดตะเกียงไปก่อนนะ 555+" ซึ่งแสดงถึงการดูถูกและวิจารณ์หญิงลีว่าเธอเข้ามาในดราม่าเพื่อหวังให้คนสนใจ

"จะออกมาเพื่ออะไรหรือกลัวคนลืม ญ.ล" คำถามนี้ตั้งข้อสงสัยถึงความต้องการของหญิงลีในการออกมาแสดงความคิดเห็นในช่วงเวลาที่ดราม่าแพรวพราวกำลังเป็นที่พูดถึง

"พี่หญิงลีควรเงียบนะคะ เอสเปสโซ่ คาปูชิโน่ นั่งจิบไปก่อนค่ะ" การแนะนำให้หญิงลีสงบเงียบและไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับดราม่านี้

"อยู่ดีไม่ว่าดีมาให้เขาขุด" คำวิจารณ์ที่กล่าวหาว่าหญิงลีเข้ามาในดราม่าโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน

"ถ้าฉันเป็นหญิง ฉันจะอยู่นิ่งๆ" ซึ่งหมายถึงการแนะนำให้หญิงลีไม่เข้ามายุ่งในเรื่องนี้

"ถ้าพี่ญไม่ออกมาพูดเขาก็ไม่ขุดเรื่องพี่น่ะอุส่า ลืมไปแล้ว" ข้อความนี้สะท้อนถึงการที่หญิงลีออกมาพูดในช่วงเวลาที่เรื่องราวของเธออาจจะถูกลืมไปแล้ว

"555 เรื่องเธอมันเงียบแล้วนะหญิง หรือกระแสมันเงียบเกินไปเหรอ" ซึ่งหมายถึงการที่หญิงลีอาจจะต้องการกลับมาอยู่ในความสนใจจากการที่เรื่องราวของเธอกำลังจางหายไป

การที่ หญิงลี ศรีจุมพล เข้าไปแสดงความคิดเห็นในโพสต์ของ แพรวพราว แสงทอง ไม่เพียงแต่ทำให้ดราม่าเดิมรุนแรงขึ้น แต่ยังทำให้ชาวเน็ตบางส่วนตั้งคำถามถึงความตั้งใจของเธอในการเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะที่บางคนมองว่าเธออาจจะต้องการกลับมาสู่ความสนใจในโลกออนไลน์อีกครั้ง หลังจากที่กระแสข่าวของเธอเริ่มเงียบไป

ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่ตั้งใจหรือการเพิ่มกระแสให้ตัวเอง การที่หญิงลีเลือกที่จะเข้ามาแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้ก็ทำให้เรื่องราวของแพรวพราวกลายเป็นกระแสข่าวที่มีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ โดยไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ดราม่าครั้งนี้จะจบลงอย่างไร แต่มันก็เป็นบทเรียนให้กับศิลปินและบุคคลในวงการบันเทิงที่ต้องระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์เพื่อไม่ให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกินจำเป็น