เด็กสาวถูกข่มขืนกลางสงครามในคองโก
ดาร์คูน่า เด็กสาววัย 16 ปี ยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เมื่อชายติดอาวุธหกคนบุกเข้ามาในบ้านของเธอ พวกเขารื้อค้นข้าวของอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่เธอพยายามร้องขอความเมตตา “ขอร้องเถอะ พวกคุณต้องการอะไรกันแน่?” หนึ่งในชายเหล่านั้นหันมามองเธอและตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันต้องการตัวเธอ” หลังจากขโมยทรัพย์สินมีค่าของครอบครัว คนติดอาวุธเหล่านี้ได้ข่มขืนดาร์คูน่าและพี่สาววัย 18 ปีของเธอ โดยที่พ่อแม่ของพวกเธอต้องนั่งมองทุกอย่างเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาโดยไม่มีทางช่วยเหลือได้เลย
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในเมืองโกมา ทางตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) ซึ่งถูกความขัดแย้งกัดกินมานานหลายปี นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สถานการณ์ได้เลวร้ายลงอีกเมื่อกลุ่มกบฏพันธมิตร Alliance Fleuve Congo (AFC) นำโดยกลุ่มติดอาวุธ M23 เข้ายึดครองพื้นที่สำคัญ รวมถึงเมืองโกมา เมืองที่มีประชากรราวสามล้านคน ซึ่งหนึ่งล้านคนเป็นผู้พลัดถิ่นจากสงคราม
ความขัดแย้งนี้ได้ทำให้วิกฤติความรุนแรงทางเพศเลวร้ายลงไปอีก เด็กหญิงและสตรีกลายเป็นเหยื่อของอาชญากรรมที่ไร้ความเมตตา ผู้ที่โชคดีพอจะรอดมาได้ต้องเผชิญกับบาดแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจที่อาจไม่เคยสมานได้อีกเลย
ไม่ไกลจากโกมา มูดาราลลา เด็กหญิงวัย 14 ปี ต้องเผชิญกับฝันร้ายที่เธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง เธออาศัยอยู่กับยายผู้ชราเพียงสองคน ท่ามกลางเสียงปืนและระเบิดที่ดังขึ้นทุกวัน ในคืนหนึ่ง ชายติดอาวุธสองคนบุกเข้ามาในบ้านของเธอ พวกเขาข่มขืนเธอต่อหน้าต่อตายายที่ไม่มีทางช่วยอะไรได้เลย หลังจากเหตุการณ์นั้น ทั้งเธอและยายต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยความละอายและหวาดกลัว “ฉันไม่กล้าบอกใครเลย ยายของฉันก็ไม่กล้าพูดถึงมัน เธอร้องไห้ทุกคืนและกังวลว่าฉันอาจตั้งครรภ์หรือเป็นโรคร้ายจากเหตุการณ์นั้น” มูดาราลลาบอกกับเจ้าหน้าที่จากองค์การยูนิเซฟ ที่มาพบเธอหลังจากเกิดเหตุได้หนึ่งเดือน และเธอก็ไม่ใช่เด็กคนเดียวที่เผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้
**ไม่มีที่ปลอดภัย แม้แต่การไปตักน้ำ**
ในพื้นที่ที่ถูกสงครามทำลายล้าง แม้แต่กิจกรรมง่ายๆ อย่างการออกไปตักน้ำก็อาจกลายเป็นฝันร้ายของเด็กผู้หญิงหลายคน หญิงคนหนึ่งเล่าทั้งน้ำตาว่า ลูกสาววัย 15 และ 13 ปีของเธอถูกข่มขืนโดยกลุ่มชายติดอาวุธหกคนขณะที่พวกเธอออกไปตักน้ำที่บ่อน้ำใกล้หมู่บ้าน “ฉันอยากช่วยลูก แต่ฉันเพิ่งรอดจากความตายมา พวกมันยิงฉันสองนัด โชคดีที่กระสุนไม่โดนอวัยวะสำคัญ ลูกสาวของฉันบาดเจ็บหนักมาก ฉันได้แต่ภาวนาให้พวกเธอรอด” เธอกล่าว
บางครั้ง การขัดขืนก็ทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น เด็กหญิงคนหนึ่งถูกจับตัวขณะตักน้ำ เมื่อเธอพยายามขัดขืน พวกชายติดอาวุธยิงเธอสองนัดที่หลัง แม้เธอจะรอดชีวิตและได้รับการรักษา แต่ร่างกายและจิตใจของเธอไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป
**ความอยุติธรรมที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน**
แม้จะมีรายงานเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ แต่ในความเป็นจริง มีเพียงไม่กี่กรณีเท่านั้นที่ได้รับการสอบสวนและดำเนินคดี คองโกเป็นประเทศที่ความรุนแรงทางเพศถูกใช้เป็นอาวุธสงครามมานานหลายทศวรรษ และปัจจุบัน สถานการณ์กำลังเลวร้ายลงทุกขณะ ในปี 2024 เพียงปีเดียว องค์กรช่วยเหลือเด็ก Save the Children รายงานว่า เด็กนับหมื่นคนได้รับการช่วยเหลือหลังจากตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงทางเพศ แต่ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของจำนวนผู้รอดชีวิตจริงๆ ที่ยังคงเงียบและไร้เสียง ในขณะที่กลุ่มติดอาวุธยังคงก่ออาชญากรรมโดยไม่มีใครสามารถเอาผิดได้ สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ อนาคตของเด็กๆ เหล่านี้จะเป็นเช่นไร พวกเธอจะต้องเติบโตขึ้นพร้อมกับบาดแผลที่ไม่มีวันลบเลือน และโลกจะยังคงนิ่งเฉยต่อชะตากรรมของพวกเธอต่อไปหรือไม่?
"ทุกวัน เราเห็นเด็กที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทางเพศ บางคนอายุยังน้อยเกินกว่าที่จะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา เราให้ความช่วยเหลือพวกเขาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่มีใครควรปล่อยให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องปกติ" รามาตู ตูเร เจ้าหน้าที่จากยูนิเซฟกล่าว สงครามในคองโกยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง และในขณะที่โลกยังคงจับตาดูความขัดแย้งด้วยความกังวล เด็กผู้หญิงหลายพันคนกำลังเผชิญกับฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่นขึ้นมาเจอกับความปลอดภัยอีกเลย







