จีนมีข้อความถึงทรัมป์ …." – สงครามการค้าระลอกใหม่สั่นคลอนเศรษฐกิจโลก
ในเช้าวันหนึ่งของเดือนกันยายนที่อากาศร้อนอบอ้าวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี., ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังยืนอยู่ที่โพเดียมกลางห้องทำงานในทำเนียบขาว ขณะที่ทีมงานเขากำลังเร่งรัดการประชุมที่สำคัญเรื่องนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ทรัมป์ยิ้มกว้างและพูดถึงชัยชนะของสหรัฐฯ ในการเจรจาการค้ากับจีน
“เราไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางการเติบโตของเรา” ทรัมป์กล่าวเสียงหนักแน่น ส่งเสียงสะท้อนไปทั่วห้อง “จีนต้องรับผิดชอบและหยุดการกระทำที่ไม่เป็นธรรมของพวกเขา!”
เหล่าผู้ช่วยและนักการเมืองที่สนับสนุนเขาต่างพากันปรบมือ แต่ในห้องสื่อมวลชนที่เต็มไปด้วยนักข่าว ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่จอโทรทัศน์ที่กำลังแสดงข้อความจากทางการจีนที่ถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความเงียบสงัดของห้อง
“สหรัฐฯ จะไม่สามารถหยุดการเติบโตและความก้าวหน้าของจีนได้” ข้อความจากกระทรวงการต่างประเทศจีนถูกเผยแพร่ออกมาเสียงดังเหมือนก้องไปทั่วเมือง
ทันทีที่คำกล่าวของทรัมป์เผยแพร่ไปทั่วโลก, ปักกิ่งก็ตอบกลับด้วยความเร็วที่ไม่คาดคิด เมื่อกระทรวงพาณิชย์จีนประกาศว่า พวกเขาจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มอีก 10% ถึง 15% สำหรับสินค้าเกษตรหลายรายการ รวมถึงถั่วเหลือง, ข้าวโพด และผลไม้ ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าในตลาดการค้าต่างๆ ผันผวนอย่างหนัก
“เราไม่กลัวการคว่ำบาตรหรือมาตรการใดๆ ที่สหรัฐฯ จะนำมาใช้” เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากจีนกล่าวด้วยท่าทีมั่นใจในงานแถลงข่าวที่กรุงปักกิ่ง “สหรัฐฯ คิดว่าพวกเขาจะหยุดเราได้ แต่เราจะไม่หยุดการเติบโตของประเทศเรา”
การแถลงการณ์จากจีนทำให้บรรยากาศในตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดความสับสน ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 400 จุดในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ขณะที่ตลาดหุ้นในจีนและยุโรปก็เริ่มสั่นคลอน
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนทวีความตึงเครียดขึ้นอย่างมาก รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เพิ่มมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจต่อจีน โดยการประกาศใช้ภาษีเพิ่มเติม 10% กับสินค้าจีน ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อ "การไม่ดำเนินการของจีน" ในการควบคุมส่วนผสมสำหรับการผลิตเฟนทานิล
กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันที พร้อมข้อความที่หนักแน่น:
"จีนจะไม่ยอมให้ประเทศใดมาขัดขวางการเติบโตและความก้าวหน้าของเรา ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามมากแค่ไหน เราก็จะยังคงเดินหน้าต่อไป"
การตอบโต้ของจีนไม่ได้มีเพียงแค่คำพูด ในวันถัดมา รัฐบาลจีนได้ประกาศ มาตรการภาษีตอบโต้ โดยเพิ่มอัตราภาษี 10% - 15% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ หลายรายการ รวมถึงสินค้าเกษตร เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด และเนื้อสัตว์
นอกจากนี้ บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนได้รับคำแนะนำให้ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงจากการคว่ำบาตรในอนาคต
"เราเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้แล้ว" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัว "เราไม่ต้องการให้ความขัดแย้งนี้ลุกลาม แต่ถ้าสหรัฐฯ คิดว่าเราจะยอมแพ้ พวกเขาคิดผิด"
สงครามการค้าระลอกใหม่สะเทือนตลาดหุ้น
ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากจีนประกาศมาตรการตอบโต้ ตลาดหุ้นทั่วโลกก็เริ่มได้รับผลกระทบ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 350 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงก็เผชิญกับแรงขายจากนักลงทุนที่กังวลเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจโลก
นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs เตือนว่า หากสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจยังคงยืดเยื้อ อาจส่งผลให้ เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงถึง 1.5% ภายในปีหน้า
“ไม่มีใครเป็นผู้ชนะในสงครามการค้า” นักวิเคราะห์เศรษฐกิจจาก JPMorgan กล่าว "จีนและสหรัฐฯ ต่างพึ่งพาซึ่งกันและกันมากกว่าที่พวกเขาคิด"
ยุโรปและเอเชียจับตาสถานการณ์
ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ และจีนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ประเทศในยุโรปและเอเชียก็กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
- เยอรมนีและฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าต่อเศรษฐกิจโลก
- ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เริ่มเตรียมมาตรการป้องกันผลกระทบที่อาจกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของบริษัทเทคโนโลยี
- กลุ่มประเทศอาเซียน กำลังมองหาทางเลือกใหม่ในการทำการค้ากับทั้งจีนและสหรัฐฯ
"ความขัดแย้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของสองประเทศ แต่เป็นเรื่องของทั้งโลก" นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวระหว่างการประชุมเศรษฐกิจโลกที่กรุงจาการ์ตา
อนาคตที่ไม่แน่นอน
ขณะที่การเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงดำเนินต่อไป นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเชื่อว่า ความขัดแย้งนี้อาจไม่ใช่แค่เรื่องของ "สงครามการค้า" อีกต่อไป แต่เป็นการต่อสู้เพื่อ อำนาจทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21
"นี่คือการแข่งขันระยะยาว" นักวิเคราะห์จาก The Economist กล่าว "ทั้งสองประเทศต่างต้องการเป็นผู้นำของโลก และไม่มีฝ่ายใดยอมถอย"
สรุป: สหรัฐฯ และจีนมุ่งหน้าสู่จุดแตกหัก?
แม้ว่าทั้งสหรัฐฯ และจีนจะมีท่าทีแข็งกร้าว แต่ในท้ายที่สุด คำถามสำคัญคือ จะมีฝ่ายใดยอมประนีประนอมก่อนหรือไม่?
- หากสหรัฐฯ ยังคงกดดันจีนต่อไป ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอาจยิ่งเลวร้ายลง และอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
- หากจีนตอบโต้รุนแรงขึ้น การแข่งขันอาจลุกลามไปสู่สงครามเทคโนโลยีและการเมืองระดับโลก
สำหรับตอนนี้ สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือ โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ร้อนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์และสิ่งเดียวที่เราทำได้คือจับตาดูว่า ใครจะเป็นฝ่ายก้าวพลาดก่อน...
ประเทศไหนในโลก ที่มีจำนวนคนมาท่องเที่ยวในไทยน้อยที่สุด
จีนทวงหนี้แสนกว่าล้าน "ฮุนเซน" ถังแตก ไม่มีเงินจ่ายหนี้ ต้องกู้ IMF ซ้ำจีนไม่ให้กู้เพิ่มแล้ว
แผ่นดินไหวขนาด 6.0 เขย่าอลาสกา!
ทำไมคนไทยไม่เก่งภาษาอังกฤษ แม้จะใช้เวลาเรียนมานานหลายปี
กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณีภาพถ่ายครอบครัว ‘ชินวัตร’ เป็นโครงการของเรือนจำ ไม่ได้ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ ย้ำจัดมาหลายปี มีในหลายเรือนจำ
ภาพช่างหลวงเผย “สเปกคนงาม” ของคนไทยเมื่อ 150 ปีก่อน
‘กรมการปกครอง’ ออกคำสั่งให้ ‘นายอำเภอหาดใหญ่’ ออกจากราชการไว้ก่อน เหตุขาดการติดต่อต้้งแต่ 22พ.ย. ไม่สามารถประสานช่วยประชาชนได้ทันท่วงที และพบว่าถูก ปปช.ชี้มูล คดี
แอล-ธีอะนีนคืออะไร
6 เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ “ห้ามถอดปลั๊ก” แบบไม่คิดให้ดี เสี่ยงพังหนักกว่าเดิม! ผู้เชี่ยวชาญเตือนอย่าทำพลาด
How to ...ค้นพบตัวตนที่ซ่อนอยู่ : ทายนิสัยแบบทิเบตที่คุณต้องลอง!
เปิดภาพล่าสุดของคุณ 'ทักษิณ'
สัตว์ที่เคยถูกพบในประเทศไทย เป็นแห่งสุดท้ายบนพื้นโลก
แผ่นดินไหวขนาด 6.0 เขย่าอลาสกา!
ทำไมคนไทยไม่เก่งภาษาอังกฤษ แม้จะใช้เวลาเรียนมานานหลายปี
แอล-ธีอะนีนคืออะไร
ภราดร ลั่น การบริหารน้ำท่วมหาดใหญ่ อย่าโทษใคร ประชาชน รัฐบาล ฝ่ายปฏิบัติ ได้บทเรียนพร้อมกัน
หลังฝนตกทำไมเจอหอยทากน๊ะ






