แคนาดาประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 25% เพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีของทรัมป์
หลังจากที่ประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ผู้นำของอเมริกา ประกาศเดินหน้าแผนปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า จากแคนาดาร้อยละ 25% พร้อมทั้งเก็บภาษีนำเข้าพลังงาน จากแคนาดาร้อยละ 10% โดยเริ่มมีผลใช้หลังเที่ยงคืนวันนี้ [ตามเวลาท้องถิ่น] หลังชะลอมาตรการดังกล่าว มา 30 วันแล้ว โดยให้เหตุผลว่า "แคนาดาล้มเหลวในการปราบปราม ขบวนการลักลอบขนยาเสพติด เช่น บรรเทาปวดกลุ่มเฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา"
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี "จัสติน ทรูโด" ผู้นำของแคนาดา ได้ออกมากล่าวว่า "แคนาดาจะใช้มาตรการตอบโต้อเมริกา ด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากอเมริกา รวมมูลค่า 155,000 ล้านดอลลาร์ ในอัตราร้อยละ 25% เริ่มจากสินค้านำเข้าจากอเมริกา รวมมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มมีผลหลังเวลาเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้ [ตามเวลาท้องถิ่น] และ จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกาที่เหลือ รวมมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลในอีก 21 วันข้างหน้านี้" และ "เราจะทำแบบนี้ไปจนกว่าอเมริกา จะยกเลิกมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา เพื่อปกป้องเศรษฐกิจ ตลาดแรงงาน คนงาน และ การทำข้อตกลงการค้าที่เป็นธรรมระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย"
ก่อนหน้านี้ "จัสติน ทรูโด" ได้ตั้งคณะทำงานปราบปราม การลักลอบส่งออกยาเฟนทานิลไปสู่อเมริกา โดยจัดให้ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามแดน อยู่ในบัญชีองค์กรก่อการร้ายของแคนาดา การจัดทำศูนย์ประสานข่าวกรองร่วม และ จัดตั้งคณะทำงานร่วมแคนาดาอเมริกา เพื่อปราบปรามปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ชายแดน ส่งผลให้การยึดยาเฟนทานิลจากแคนาดาสู่อเมริกา ลดลงร้อยละ 97% ระหว่างเดือน ธ.ค. 2024 ถึง เดือน ม.ค. 2025 ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรและป้องกันชายแดนของอเมริกา ยึดยาเฟนทานิลในช่วงเวลาดังกล่าว ในระดับต่ำใกล้แตะร้อยละ 0% คือ เพียง 0.03 ปอนด์เท่านั้น...
"จัสติน ทรูโด" ได้พูดถึงผลกระทบต่อชาวอเมริกันว่า "ผลของมาตรการนี้ จะทำให้ชาวอเมริกันจ่ายเงินแพงขึ้น เมื่อซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อ ซื้อแก๊สและรถยนต์ และ อาจจะทำให้บริษัทอเมริกัน ใช้วิธีเลิกจ้างแรงงานหลายพันคน อีกทั้งจะกระทบต่อความสัมพันธ์ ทางการค้าที่ราบรื่นมาตลอด ระหว่างอเมริกากับแคนาดา และ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะทรัมป์ ถ้าจะโทษก็ให้ไปโทษทรัมป์นู้น..."














