สืบนครบาลโหนรถเมล์ บุกจับ 2บิ๊กบอสจีน ขโมยข้อมูลคนไทยกว่า 88,000 รายชื่อ
ทลายรังปลวก! บอสจีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเหยื่อกว่า 88,000 ราย ฉกเงิน 55 ล้าน ตำรวจบุกจับกลางกรุง
สิบนครบาลเปิดปฏิบัติการบุกจับ "2 บิ๊กบอสจีน" แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระดับประเทศ หลอกลวงเหยื่อผ่านเกมวงล้อออนไลน์ ตุ๋นเงินไปกว่า 55 ล้านบาท พร้อมยึดทรัพย์กว่า 84 ล้านบาท
กลายเป็นข่าวใหญ่สะเทือนวงการอาชญากรรมออนไลน์ในไทย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการ PCT ร่วมกับ กองสืบสวนตำรวจนครบาล และ บก.น.2 นำโดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. เปิดปฏิบัติการ "ทลายรังปลวกบอสจีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์" โดยใช้วิธี นั่งรถเมล์ ขสมก. ไปจู่โจมตรวจค้น "บริษัท ลัคคิง จำกัด" ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 8 ของอาคารแห่งหนึ่งริมถนนรัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
เปิดโปงขบวนการ! "บริษัทลัคคิง" ฐานบัญชาการหลอกลวงประชาชน
การสืบสวนพบว่า บริษัท ลัคคิง จำกัด เป็นบริษัทของ 2 บิ๊กบอสชาวจีน ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายในหมวดวัสดุก่อสร้าง แต่แท้จริงแล้วกลับเป็น ศูนย์กลางการหลอกลวงประชาชน ผ่าน "เกมวงล้อ" ออนไลน์ ซึ่งมีแผนการอันแนบเนียนในการล่อลวงข้อมูลส่วนบุคคลของเหยื่อ
รูปแบบการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้มีดังนี้
1.ใช้แอป TikTok Live เชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมเล่น "เกมวงล้อ" โดยมีรางวัลล่อตาล่อใจ เช่น ไอโฟน 16
2.ผู้เล่นต้องเสียค่าเข้าเล่น 100 บาท ต่อรอบ
3.หากชนะรางวัล คนร้ายจะโทรกลับไปหาเหยื่อ โดยแฝงตัวเป็นพนักงานบริษัท
4.ใช้สคริปต์พูดคุยเพื่อขอข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล, หมายเลขบัตรประชาชน, เลขหลังบัตรประชาชน, ข้อมูลบัญชีธนาคาร อ้างว่าเพื่อยืนยันตัวตนในการรับรางวัล
5.นำข้อมูลไปใช้ในการโจรกรรมการเงิน และอาจนำไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ
ความเสียหายใหญ่หลวง – 88,000 รายชื่อถูกขโมย ขาดทุน 55 ล้าน
เพียงแค่ 3 เดือน แก๊งนี้สามารถรวบรวมข้อมูลเหยื่อได้มากถึง 88,000 รายชื่อ ซึ่งถือเป็น หนึ่งในคดีขโมยข้อมูลส่วนบุคคลครั้งใหญ่ที่สุดในไทย
ยอดผู้เสียหายที่แจ้งความแล้ว: 85 ราย
มูลค่าความเสียหาย: 55 ล้านบาท
ยอดทรัพย์สินที่ตำรวจยึดคืนได้: 84 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่กำลังขยายผลตรวจสอบว่า 88,000 รายชื่อนี้ ถูกนำไปใช้ก่ออาชญากรรมในรูปแบบใดบ้าง รวมถึงมีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติหรือไม่
"แก๊งโอริโอ้" มีเอี่ยวหรือไม่? ตำรวจเร่งสืบสวนต่อ
ข้อมูลใหม่จากการสอบสวน พบว่า แก๊งนี้อาจมีความเชื่อมโยงกับ "แก๊งโอริโอ้" ซึ่งเป็นอีกขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้วิธีการซื้อข้อมูลส่วนตัวจากบริษัทเอกชน เพื่อนำไปใช้ใน การไล่เช็คบิลคู่อรินอกเกม Five M (เกมออนไลน์ยอดนิยม)
เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบเส้นทางข้อมูล ว่า 88,000 รายชื่อเหล่านี้ ถูกขายต่อไปยังแก๊งโอริโอ้หรือเครือข่ายมิจฉาชีพข้ามชาติหรือไม่
"ปฏิบัติการนั่งรถเมล์บุกจับ" – แผนลับจับแก๊งมิจฉาชีพ
เพื่อป้องกันไม่ให้ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ไหวตัวทัน เจ้าหน้าที่จึงเลือกใช้แผนลับ "นั่งรถเมล์บุกจับ" เจ้าหน้าที่ตำรวจจากศูนย์สืบนครบาล ได้เดินทางจากศูนย์ฯ ไปยัง บริษัท ลัคคิง จำกัด โดยใช้บริการรถโดยสารประจำทาง (ขสมก.) เพื่อไม่ให้คนร้ายสงสัย เมื่อถึงสถานที่เป้าหมาย ตำรวจจู่โจมทันที สามารถจับกุมพนักงานคนไทยได้กว่า 10 ราย อย่างไรก็ตาม มีบางส่วนหลบหนีไปได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัว
ของกลางที่ยึดได้จากบริษัท "ลัคคิง จำกัด" รายการของกลางที่ตำรวจสามารถตรวจยึดได้ภายในบริษัท มีดังนี้:
- ป้ายบริษัท "ลัคคิง จำกัด"
- บัตรพนักงาน 13 ใบ
- เสื้อโปโลพนักงาน โลโก้ LUCKKING 8 ตัว
- วงล้อเสี่ยงทาย 1 อัน
- แผ่นสติกเกอร์ QR Code สำหรับไลน์ LUCKKING
- แผ่นคูปองเติมเงิน LUCKKING จำนวน 10 ใบ
- โบรชัวร์โฆษณาเกมวงล้อ 1 ชุด
- อุปกรณ์ไลฟ์สด TikTok 1 ชุด
- External Hard Disk จำนวน 3 อัน
- ไข่ทองสำหรับจับรางวัล 1 กล่อง
- สมุดโน้ต 13 เล่ม
- เอกสารที่เกี่ยวข้องของบริษัทจำนวนหนึ่ง
- ตู้เซฟ 1 ตู้
หลักฐานทั้งหมดนี้จะถูกนำไปตรวจสอบเพื่อใช้ขยายผลในการดำเนินคดี
แก๊งนี้เข้าข่ายความผิดอะไรบ้าง? โทษหนักแค่ไหน?
เบื้องต้น ผู้ต้องหาอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายไทย ดังนี้
1.ฉ้อโกงประชาชน (มาตรา 341 และ 343)
โทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1))
โทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.อั้งยี่ ซ่องโจร (มาตรา 209 และ 210)
โทษจำคุก สูงสุด 10 ปี และปรับ สูงสุด 200,000 บาท
เจ้าหน้าที่กำลังเร่งขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
อ้างอิงจาก: ภาพจากFB:IDMB Bangkok

