คุมตัว "โน้ต" ทำแผนฯ คดีฆ่า 3 ศพ อ้างปืนลั่น-บันดาลโทสะ ขณะ "เข้" เพื่อนร่วมอำพรางศพ เข่าทรุด
คุมตัว "โน้ต" ทำแผนฯ คดีฆ่า 3 ศพ อ้างปืนลั่น-บันดาลโทสะ ขณะ "เข้" เพื่อนร่วมอำพรางศพ เข่าทรุด
ความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญฆาตกรรม 3 ศพ พ่อแม่ลูก ในพื้นที่ สภ.คลองขลุง ล่าสุดตำรวจควบคุมตัว นายโน้ต ศิวกร ผู้ต้องหา และนายเข้ (นามสมมติ) ผู้ถูกกล่าวหาว่าร่วมอำพรางศพ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายโน้ตให้การรับสารภาพ อ้างปืนลั่นระหว่างมีปากเสียงและยื้อแย่งกับผู้ตาย ขณะที่นายเข้ให้การภาคเสธ โดยระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายเข้มีอาการเข่าอ่อนจนต้องนั่งพัก
ลำดับเหตุการณ์และการทำแผน
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายโน้ตไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ จุดเกิดเหตุ โดยนายโน้ตให้การว่า
1. เดินทางมาด้วยกัน: นายโน้ตนั่งรถกระบะมากับครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยพ่อเป็นผู้ขับขี่ ลูกชายและภรรยานั่งเบาะหน้า ส่วนนายโน้ตนั่งเบาะหลัง
2. เกิดปากเสียง: เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ทั้งสองฝ่ายเริ่มมีปากเสียงกันเรื่องเงินที่ผู้ตายติดค้างนายโน้ต
3. หยิบปืน: นายโน้ตเปิดลิ้นชักกลางรถและหยิบปืน (ซึ่งเคยจำนำไว้กับผู้ตาย) ออกมา
4. ลงจากรถเพื่อเจรจา: นายโน้ตลงจากรถเพื่อพูดคุยกับผู้ตายบริเวณหน้ารถ
5. เกิดการยื้อแย่ง: นายโน้ตอ้างว่าได้ยกปืนขึ้นลำกล้องเพื่อข่มขู่ แต่เกิดการยื้อแย่งปืนกัน ทำให้ปืนลั่นถูกศีรษะผู้ตาย แต่ยังไม่เสียชีวิต
6. เรียกภรรยาผู้ตาย: นายโน้ตเรียกภรรยาผู้ตายให้ลงมาช่วย แต่ไม่สามารถยกผู้ตายขึ้นรถได้
7. โทรศัพท์ตามนายเข้:นายโน้ตโทรศัพท์ตามนายเข้ให้มาช่วยเหลือ
8. นายเข้มาถึงที่เกิดเหตุ: นายเข้เดินทางมาถึงและช่วยกันนำร่างผู้ตายขึ้นรถ
9. แยกย้าย:นายโน้ตไล่นายเข้กลับ และแยกย้ายกันไป
10. เหตุการณ์ต่อเนื่องบนรถ: นายโน้ตอ้างว่าได้ใช้ปืนข่มขู่ให้ภรรยาและลูกของผู้ตายขึ้นรถ จากนั้นเกิดการยื้อแย่งปืนกันอีกครั้ง ทำให้ปืนลั่นถูกศีรษะลูกชายที่นั่งบนตักมารดาเสียชีวิต
11. สังหารภรรยาผู้ตาย: ภรรยาผู้ตายโวยวาย นายโน้ตจึงบันดาลโทสะ ตัดสินใจยิงภรรยาผู้ตายเสียชีวิตเป็นรายสุดท้าย
12. อำพรางคดี: นายโน้ตขับรถนำศพไปทิ้งที่บ้านร้าง และอีก 5 วันต่อมา ได้ซื้อผ้ามาคลุมรถไว้
ระหว่างรอนายโน้ตทำแผนฯ นายเข้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยมีสีหน้าซีดเซียว และมีอาการเข่าอ่อนเป็นระยะ
ยอมรับว่ารู้สึกผิด:นายเข้ยอมรับว่ารู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ปฏิเสธร่วมก่อเหตุ:นายเข้อ้างว่าถูกนายโน้ตโทรศัพท์ตามให้มาช่วย โดยปฏิเสธว่าพ่อแม่และภรรยาไม่ให้ไป แต่นายโน้ตยังคงคะยั้นคะยอ
เกิดความกลัว:เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุและพบศพ ก็เกิดความกลัวจนทำอะไรไม่ถูก จึงจำต้องช่วยเหลือนายโน้ต
ไม่ทราบเหตุการณ์ภายหลัง: นายเข้ยืนยันว่า หลังจากแยกย้ายกับนายโน้ตแล้ว ไม่ทราบว่านายโน้ตไปก่อเหตุฆาตกรรมอีก 2 ศพ
อยากขอโทษ:นายเข้กล่าวว่าอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตตั้งแต่แรก แต่เกิดความกลัว
ระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายเข้มีอาการเป็นลมและเข่าอ่อน เจ้าหน้าที่ต้องนำเก้าอี้มาให้นั่งพัก
เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบปากคำนายเข้เพิ่มเติม เพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมมากน้อยเพียงใด ส่วนนายโน้ต ถูกควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ข้อสังเกต🤔🤔🤔
คดีนี้ยังคงมีประเด็นที่ต้องสืบสวนเพิ่มเติม เช่น คำให้การของนายโน้ตที่อ้างว่าปืนลั่นระหว่างการยื้อแย่ง จะสอดคล้องกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือไม่ รวมถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุที่แท้จริง และการมีส่วนร่วมของนายเข้ในการฆาตกรรม
คำถามที่ยังรอคำตอบ🧐🧐🧐
* ปืนลั่นจริงหรือ? หรือเป็นการจงใจฆาตกรรม?
* นายเข้มีส่วนรู้เห็นกับการฆาตกรรมมากกว่าที่ให้การหรือไม่?
* อะไรคือแรงจูงใจที่แท้จริงในการก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้?
คดีนี้ยังคงต้องรอการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ความจริงปรากฏและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป






