เส้นทางใหม่ "สมปอง" จากธรรมะสู่จัญไร ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งรัก?
"สมปอง นครไธสง" คัมแบ็ก! อดีตพระนักเทศน์เปลี่ยนแนวสู่คอนเทนต์สายแซะ หลังเงียบไป 3 ปี
หลังจากเงียบหายไปจากกระแสสังคมมานานกว่า 3 ปี นับตั้งแต่ลาสิกขา "สมปอง นครไธสง" อดีตพระนักเทศน์ชื่อดังที่เคยสร้างปรากฏการณ์บนโลกออนไลน์ด้วยการเทศน์แนวสนุกสนาน ได้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง
แม้ว่าในช่วงก่อนหน้านี้จะยังคงมี ผู้ติดตามในเฟซบุ๊กมากกว่า 3.5 ล้านคน แต่โพสต์ต่างๆ ของเจ้าตัวเกี่ยวกับกิจกรรมในชีวิตประจำวัน หรือมุกตลกเบาๆ กลับไม่ได้รับความสนใจเท่าเมื่อครั้งที่ยังครองสมณเพศอยู่ ยอดคอมเมนต์และการมีส่วนร่วมลดลงเหลือเพียงหลักสิบถึงหลักร้อยเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากช่วงที่เพิ่งสึกใหม่ๆ ที่กระแสยังคงแรงและมีคนติดตามอย่างต่อเนื่อง
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป...
ในช่วงปลายเดือน มกราคม 2568 อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ตัดสินใจเปลี่ยนแนวการโพสต์ อย่างชัดเจน โดยระบุว่า
"โพสต์ธรรมะดีๆ ไม่มีคนสนใจ งั้นขอเปลี่ยนแนวเป็นเรื่องจัญไรดูบ้าง"
นับจากวันนั้น "สมปอง" เริ่มโพสต์มุกทะลึ่ง ด่าหยอก แซะคนดัง และปล่อยมุกจี้จุดเป็นระยะ ซึ่งปรากฏว่าแนวทางนี้ได้ผลทันที! มีผู้คนเข้ามามีส่วนร่วม ยอดคอมเมนต์และยอดแชร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าตัวจับทางได้ว่า "คอนเทนต์แนวขยี้ ขำขัน แซะแรง" อาจเป็นคำตอบสำหรับการกลับมาของตนเอง
หลังจากพบแนวทางที่ได้ผล "สมปอง" ยังได้ดึง "แพรรี่ ไพรวัลย์" อดีตพระนักเทศน์คู่หูที่เคยสร้างกระแสโด่งดังร่วมกันในอดีต กลับมาร่วมไลฟ์สด ซึ่งต้องยอมรับว่า "แพรรี่" มีกระแสที่ดีกว่า "สมปอง" อย่างชัดเจน ตั้งแต่ลาสิกขาออกมา
การกลับมาร่วมมือกันครั้งนี้ สามารถสร้างยอดเงินจากการไลฟ์สดได้มากกว่า 2 แสนบาท และในช่วงท้ายไลฟ์สด "สมปอง" ยังทำเซอร์ไพรส์ด้วยการประกาศว่า เงินก้อนนี้เป็น "เงินเก็บไว้แต่งเมีย" ซึ่งสร้างเสียงฮือฮาให้กับผู้ชมไม่น้อย
การกลับมาร่วมงานกันของอดีตพระนักเทศน์ทั้งสอง ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า "นี่คือการกลับมาทวงกระแสความนิยมอีกครั้งใช่หรือไม่?" และการเปลี่ยนแนวสู่สายแซะจะสามารถทำให้ "สมปอง" กลับมาเป็นที่นิยมได้เหมือนเมื่อครั้งยังครองผ้าเหลืองหรือไม่?
การเปลี่ยนแนวของ "สมปอง" จะไปได้ไกลแค่ไหน?
1. คอนเทนต์เปลี่ยน กลุ่มเป้าหมายก็เปลี่ยน
ก่อนหน้านี้ "สมปอง" เป็นที่รู้จักจาก การเทศน์แนวสนุกสนานแฝงธรรมะ ซึ่งมีฐานแฟนคลับที่ชื่นชอบแนวคิดและข้อคิดที่ให้กำลังใจ แต่เมื่อตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางมาสู่ สายแซะ สายขำ สายแรง ทำให้ กลุ่มเป้าหมายที่ติดตามก็เปลี่ยนไปด้วย
2. ความนิยมที่มาเร็ว ก็อาจหายเร็ว
แม้ว่าหลังจากเปลี่ยนแนวโพสต์แล้ว ยอดการมีส่วนร่วมจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีคำถามว่า กระแสนี้จะยืนระยะได้นานแค่ไหน? เพราะการใช้คอนเทนต์แนวขยี้ แซะ หรือทะลึ่ง มักสร้างความสนใจในช่วงแรก แต่หากไม่มีการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลง ก็อาจทำให้ความนิยมลดลงอีกครั้ง
3. กระแสของ "แพรรี่ ไพรวัลย์" ยังคงแข็งแกร่ง
แม้ว่าทั้งสองจะเคยเป็นอดีตพระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงพอๆ กัน แต่ในปัจจุบัน "แพรรี่ ไพรวัลย์" ยังคงมีกระแสที่แข็งแกร่งกว่า "สมปอง" ซึ่งอาจมาจาก การสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจน และการเดินหน้าสู่เส้นทางของตัวเองอย่างมั่นคง ขณะที่ "สมปอง" เพิ่งเริ่มทดลองเปลี่ยนแนวทาง
















