โชคดี! ลูกค้าขายทองแต่ไม่พูด จนร้านทองสังเกตเห็นหน้าจอมือถือช่วยได้ทัน
ระวัง! แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกขายทองในรูปแบบใหม่ ลูกค้าร้านทองตกเป็นเหยื่อเกือบสูญเสียทองคำมูลค่ากว่า 50,000 บาท
วันที่ 19 มกราคม 2568 ข่าวจากช่อง 3 รายงานว่า น.ส.ดุจฤดี เจ้าของร้านทองในตลาดคิวรถ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาเปิดเผยอุทาหรณ์เตือนภัย หลังจากที่เธอเกือบตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้วิธีหลอกขายทองในรูปแบบใหม่ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อมีลูกค้าหญิงมาขายทองในร้านของเธอ โดยมีลักษณะพฤติกรรมที่น่าสงสัยและท่าทางลุกลี้ลุกลน จนทำให้เธอเริ่มเอะใจและช่วยเหลือไม่ให้ลูกค้ารายนี้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
น.ส.ดุจฤดี เล่าว่า ลูกค้าคนหนึ่งที่เป็นหญิงสาวนำทองน้ำหนักประมาณบาทเศษ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 50,000 บาท มาขายที่ร้านทองของเธอ แต่ลูกค้ารายนี้มีท่าทางวิตกกังวลและไม่ยอมพูดคุย สุดท้ายลูกค้ารายนี้ขอกระดาษและปากกาเพื่อสื่อสารแทน โดยในกระดาษที่เขียนมีข้อความระบุว่า "ขายทองทั้งหมดเป็นเม็ดเงินโอนเข้าบัญชีเพื่อตรวจสอบสินทรัพย์ มีไหม" ซึ่งข้อความนี้ทำให้เจ้าของร้านเริ่มเอะใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ในระหว่างที่ลูกค้ากำลังเขียนข้อความสื่อสารกับทางร้าน เจ้าของร้านได้สังเกตเห็นว่าโทรศัพท์ของลูกค้ารายนี้มีการโทรเข้ามาจากหมายเลขที่ดูคล้ายกับหมายเลขของ สภ.ขอนแก่น ซึ่งทำให้เธอเริ่มสงสัยว่าอาจจะเป็นการหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เธอจึงพยายามถ่วงเวลาและปฏิเสธการรับซื้อทองจากลูกค้ารายนี้ไป
เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 30 นาที เจ้าของร้านทองได้สอบถามลูกค้ารายนี้เพิ่มเติม และได้รับคำตอบที่ชัดเจนขึ้นว่า ลูกค้าคนดังกล่าวได้รับการติดต่อจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งบอกว่าลูกค้ารายนี้ติดคดี และส่งภาพหมายจับมาให้ดู จากนั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ถามว่าในบัญชีของลูกค้ามีเงินเท่าไหร่ ลูกค้ารายนี้ตอบว่าในบัญชีมีเงินเพียง 400 บาท หลังจากนั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ได้ถามว่า "มีทองหรือไม่" และเมื่อได้ทราบว่ามีทองอยู่ ลูกค้าถูกบอกให้เอาทองทั้งหมดไปขายที่ร้านทองและโอนเงินเข้าบัญชีเพื่อการตรวจสอบ โดยที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้บอกลูกค้าว่าห้ามบอกใครโดยเด็ดขาดแม้กระทั่งสามีของเธอ
หลังจากที่ลูกค้ารายนี้ได้รับคำแนะนำจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกี่ยวกับการขายทอง เจ้าของร้านทองได้สังเกตเห็นพฤติกรรมที่น่าสงสัย และตัดสินใจช่วยเหลือไม่ให้ลูกค้ารายนี้ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง จากการสังเกตและการสอบถามเพิ่มเติม ทำให้ลูกค้ารายนี้รู้ว่าเธอกำลังตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้วิธีการหลอกลวงในลักษณะนี้
จากเหตุการณ์นี้ เจ้าของร้านทองได้ฝากเตือนภัยให้กับผู้คนทั่วไป โดยเฉพาะในกลุ่มที่อาจจะไม่ค่อยติดตามข่าวสารหรือไม่คุ้นเคยกับวิธีการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งสามารถหลอกลวงได้หลากหลายรูปแบบ และในบางกรณีเหยื่ออาจไม่ทันระวัง จนต้องสูญเสียทรัพย์สินที่มีค่า เช่น ทองคำและเงิน
แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักใช้วิธีการที่แยบยลและน่ากลัว เพื่อหลอกลวงเหยื่อให้ทำตามคำสั่ง เช่น การอ้างว่าเหยื่อเกี่ยวข้องกับคดีความ หรือให้โอนเงินไปยังบัญชีเพื่อตรวจสอบสินทรัพย์ของเหยื่อ นอกจากนี้ยังมีการหลอกลวงให้ทำการขายทอง หรือทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ โดยให้ทำตามคำแนะนำที่ดูเหมือนจะมาจากบุคคลที่มีอำนาจหรือหน่วยงานราชการ
ข้อแนะนำในการป้องกันการตกเป็นเหยื่อ
1. ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ หากได้รับการโทรศัพท์จากหมายเลขที่ดูน่าสงสัย ควรตรวจสอบหมายเลขและขอข้อมูลเพิ่มเติมก่อนทำการโอนเงินหรือขายทรัพย์สินใดๆ
2. ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัว ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัญชี หรือข้อมูลทางการเงินกับบุคคลที่ไม่รู้จักหรือไม่สามารถยืนยันตัวตนได้
3. ไม่ทำตามคำขู่หรือคำสั่งที่มาจากบุคคลที่ไม่รู้จัก หากมีบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานราชการติดต่อมาและขอให้ทำบางอย่าง เช่น โอนเงินหรือขายทอง ควรหยุดและขอคำแนะนำจากบุคคลที่เชื่อถือได้
4. ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากสงสัยว่าอาจตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำแนะนำ
อ้างอิงจาก: ภาพจาก ข่าวช่องวัน