ศูนย์สแกมเมอร์จีนในเมียนมา! สื่อจีนเผยยอดเหยื่อหลอกลวงพุ่งวันละ 1 แสนคน
จีนยกระดับปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ หลังเหตุการณ์ดารา “หวัง ซิง” หายตัว
สำนักข่าวซินหวาของจีนรายงานว่า รัฐบาลจีนได้ยกระดับความพยายามในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ข้ามพรมแดน หลังเกิดเหตุการณ์ดาราชื่อดังชาวจีน “หวัง ซิง” หรือ “ซิง ซิง” หายตัวไปในบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์
เหตุการณ์การหายตัวของดาราดังได้สร้างความสะเทือนใจให้กับสาธารณชนในจีน และเป็นจุดเริ่มต้นให้รัฐบาลจีนประกาศยกระดับมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดนที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เฉียง ได้เข้าพบกับผู้นำทหารเมียนมาในเดือนพฤศจิกายน 2567 เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการกวาดล้างอาชญากรรม โดยจีนได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์และช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกล่อลวงเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน
รายงานระบุว่าในปี 2023 รัฐบาลจีนได้ทำแคมเปญร่วมกับเมียนมาในการทลายแก๊งอาชญากรรมในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะในพื้นที่ โกก้าง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกลุ่มมาเฟียชาวจีน 4 ตระกูลหลักที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ติดกับมณฑลยูนนานของจีน
หลังจากนั้น กลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้ได้ขยายอิทธิพลเข้ามาในพื้นที่เมือง เมียวดี เมียนมา ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนไทย โดยข้อมูลจากซินหวาระบุว่าในปัจจุบันมีศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากกว่า 1,000 แห่งในเมียนมา และมีการล่อลวงเหยื่อมากถึง 100,000 คนต่อวัน
จีนให้ความสำคัญกับการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและเมียนมาเพื่อกวาดล้างเครือข่ายแก๊งอาชญากรรมเหล่านี้ โดยในปี 2022 รัฐบาลไทยได้อำนวยความสะดวกในการส่งตัวพลเมืองจีนที่ถูกกักขังอยู่ในฐานปฏิบัติการของแก๊งสแกมเมอร์ในเมียวดีจำนวน 900 คน กลับประเทศจีน
ขณะเดียวกัน ในปี 2023 รัฐบาลเมียนมาก็ได้ดำเนินการส่งตัวผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมกลับไปยังจีนมากถึง 31,000 คน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามของทั้งสองประเทศในการปราบปรามแก๊งอาชญากรรมข้ามพรมแดน
เหตุการณ์การหายตัวของหวัง ซิง ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความอันตรายจากอาชญากรรมข้ามพรมแดนในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา นักแสดงชื่อดังรายนี้คาดว่าจะตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ โดยข่าวดังกล่าวได้รับความสนใจจากสื่อและประชาชนในจีนอย่างกว้างขวาง
รัฐบาลจีนจึงตัดสินใจเพิ่มความพยายามในการประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในต่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือพลเมืองที่ถูกล่อลวงและกักขังอยู่ในฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามพรมแดน โดยรัฐบาลจีนมีแผนที่จะขยายการปราบปรามไปยังพื้นที่อื่น ๆ ที่มีการตั้งฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นอกจากนี้ จีนยังตั้งเป้าหมายที่จะปรับปรุงกฎหมายและมาตรการคุ้มครองพลเมืองจีนในต่างประเทศ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น