ผู้เชี่ยวชาญเผย จากคดี ซิงซิง ชี้ให้เห็นว่าจีนเทาได้ปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ทำการค้ามนุษย์ด้วยวิธีการที่ซับซ้อนขึ้น
โดยเป็นการเปิดเผยของ สำนักข่าว VOA ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา รายงานเรื่องกรณีของ ซิงซิง นักแสดงชาวจีนซึ่งเดินทางมารับงานแสดงในไทยแต่ถูกล่อลวงไปยังฐานที่มั่นของธุรกิจจีนเทาในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ทาง VOA ได้ซักถามความเห็นไปยังผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งกล่าวกรณีของซิงซิงตอกย้ำถึงความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นของตัวการที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจจีนเทา
นี่เป็นการลักพาตัวและการจับตัวประกันโดยเจตนา ซึ่งขณะนี้กำลังเห็นกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ทำกันอยู่ วิธีการค้ามนุษย์เข้าไปในสถานที่เหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ เจสัน ทาวเวอร์ ผู้อำนวยการสถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐอเมริกา (USIP) ประจำประเทศเมียนมาร์ กล่าวกับ VOA เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าผู้กระทำความผิดเหล่านี้ปรับตัวอย่างไร และทำทุกวิถีทางมากขึ้นเพื่อล่อลวงผู้คนจากหลากหลายกลุ่มประชากรเข้ามาเป็นเชลย เพื่อดูดเงินจากพวกเขาโดยตรง
หรือทำให้พวกเขาเข้าไปพัวพันกับอาชญากรรมแรงงานบังคับ เขากล่าว ทั้งนี้ USIP หรือ United States Institute of Peace เป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ในระยะหลังติดตามความเคลื่อนไหวของธุรกิจจีนเทาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาโดยตลอด เช่น ในกรณีของเมียนมาเมื่อเดือนตุลาคม 2024 มีรายงานเรื่อง
ข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับวิกฤตอาชญากรรมทางไซเบอร์ข้ามชาติของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่รวมเขียนโดย เจสัน ทาวเวอร์ ซึ่งระบุว่า กัมพูชาและเมียนมายังคงเป็นสถานที่หลบภัยที่น่ารังเกียจที่สุดสำหรับการปฏิบัติการทางอาชญากรรม ในขณะที่ลาวดูเหมือนจะแสดงสัญญาณเริ่มแรกของความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของกลุ่มอาชญากรที่มีต่ออำนาจอธิปไตยของตน ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้กลายเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติที่มีต้นตอมาจากจีน นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
เมื่อ USIP ออกรายงานสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว ความสนใจของนานาชาติต่อปัญหาการหลอกลวงนี้ทวีความรุนแรงขึ้น ภาพรวมในภูมิภาคจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในประเทศศูนย์กลางการระบาด ได้แก่ เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว และประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ รายงานของ USIP ระบุ