แท็กซี่โหด ปฏิเสธผู้โดยสารไปทองหล่อ ก่อนใช้มีดกรีดหน้า เกิดเหตุสลดย่านสีลม
แท็กซี่โหด ปฏิเสธผู้โดยสารไปทองหล่อ ก่อนใช้มีดกรีดหน้า เกิดเหตุสลดย่านสีลม
เมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 11 มกราคม 2568 เกิดเหตุการณ์รุนแรงที่สร้างความตื่นตระหนกและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อผู้โดยสารกลุ่มหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยชาย 3 คน และหญิง 1 คน ได้เรียกรถแท็กซี่บริเวณย่านสีลมเพื่อเดินทางไปยังทองหล่อ 12 แต่คนขับกลับปฏิเสธที่จะให้บริการ ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจ และท้ายที่สุดได้พัฒนากลายเป็นเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายที่มีการใช้มีดกรีดใบหน้าผู้โดยสารชายคนหนึ่ง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส
จุดเริ่มต้นของเหตุความรุนแรง
เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อกลุ่มผู้โดยสารเรียกรถแท็กซี่เพื่อเดินทางไปย่านทองหล่อ โดยผู้โดยสารได้เปิดประตูรถเข้าไปนั่งและแจ้งจุดหมายปลายทาง แต่แท็กซี่ปฏิเสธที่จะรับผู้โดยสาร ทำให้เกิดการโต้เถียงเล็กน้อย ซึ่งผู้โดยสารได้ปิดประตูรถด้วยความไม่พอใจ เสียงปิดประตูดังทำให้คนขับแท็กซี่รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน จึงลงจากรถมาเผชิญหน้ากับผู้โดยสาร
จากคำให้การของทั้งสองฝ่าย คนขับแท็กซี่อ้างว่าเขาถูกทำร้ายก่อนจึงตัดสินใจกลับไปหยิบมีดปอกผลไม้จากรถ และใช้กรีดใบหน้าผู้โดยสารชายคนหนึ่ง ขณะที่ฝ่ายผู้โดยสารยืนยันว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากความไม่พอใจของคนขับที่ไม่ยอมรับคำขอโทษหลังจากปิดประตูรถแรงเกินไป
ปฏิกิริยาจากสังคมและเหตุระงับเหตุ
หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว กลุ่มไรเดอร์ที่อยู่ในบริเวณนั้นได้เข้ามาช่วยระงับเหตุและควบคุมตัวคนขับแท็กซี่ไว้ได้ พวกเขายังได้ช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ จะเดินทางมาถึงและพาทั้งสองฝ่ายส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ตำรวจได้มีการสอบปากคำเบื้องต้นจากทั้งผู้โดยสารและคนขับแท็กซี่เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับใช้ในการดำเนินคดี
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมและยืนยันว่าการกระทำของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างไร
สภาพจิตใจและการฟื้นตัวของผู้บาดเจ็บ
สำหรับผู้โดยสารชายที่ถูกกรีดใบหน้า ได้รับบาดเจ็บบริเวณแก้มซ้ายซึ่งมีแผลลึกและยาวกว่า 10 เซนติเมตร ทีมแพทย์ให้ข้อมูลว่าอาจต้องได้รับการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อซ่อมแซมบาดแผล นอกจากนี้ยังมีการประเมินสภาพจิตใจของผู้ประสบเหตุเพื่อให้การเยียวยาและคำปรึกษา เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบทางจิตใจอย่างมาก
ผู้โดยสารอีกสามคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นปลอดภัยทางร่างกาย แต่ยังคงอยู่ในอาการตกใจและต้องให้ปากคำกับตำรวจเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ที่สุด
ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแท็กซี่ในประเทศไทย
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความไม่พอใจในสังคมอย่างมาก โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้โดยสาร หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย โดยมองว่าคนขับแท็กซี่บางรายยังขาดความรับผิดชอบต่อสังคม และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้บริการ
นอกจากนี้ ยังมีการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางบก เข้มงวดในการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ขับขี่ รวมถึงพัฒนาระบบการร้องเรียนและการลงโทษให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
มาตรการและทางออกเพื่อป้องกันเหตุการณ์ในอนาคต
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยในการเดินทางเสนอว่า การติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในรถแท็กซี่ รวมถึงระบบ GPS ที่สามารถติดตามพฤติกรรมของคนขับแบบเรียลไทม์ อาจช่วยลดความเสี่ยง