สิงคโปร์ให้สิทธิ์ตำรวจ สามารถอายัดบัญของเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ได้
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวต่างประเทศจากประเทศสิงคโปร์ ในวันนี้ (8 มกราคม 2568) ว่าสภาแห่งชาติของสิงคโปร์มีมติ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผ่านกฎหมายมอบอำนาจให้ตำรวจ และสำนักงานกิจการพาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง กับการสอบสวนอาชญากรรมทางธุรกิจ สามารถระงับการทำธุรกรรมของบัญชีธนาคารใดก็ตาม หากพบเบาะแสหรือหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า เจ้าของบัญชีนั้นกำลังจะโอนเงินเข้าสู่บัญชีของแก๊งมิจฉาชีพ แม้เป็นการโอนโดยสมัครใจก็ตาม ทั้งนี้ บุคคลซึ่งอยู่ภายใต้คำสั่งห้ามดังกล่าวจะไม่สามารถใช้งานบัตรเอทีเอ็ม ทำธุรกรรมระหว่างบัญชี และไม่สามารถขอรับบริการที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อได้ โดยจะทำได้เพียงการถอนเงินสดเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เจ้าพนักงานสามารถใช้คำสั่งระงับการทำธุรกรรมของเจ้าของบัญชีได้สูงสุด 5 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 วัน นางซุน เสว่หลิง ปลัดกระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ กล่าวว่า หนึ่งในวัตถุประสงค์ของการบัญญัติกฎหมายนี้ คือเพื่อเพิ่มเวลาให้แก่เจ้าพนักงาน ในการเตือนผู้เสียหายว่า กำลังตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพ และต้องยุติการทำธุรกรรม โดยเจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการระงับการทำธุรกรรมเป็นทางเลือกสุดท้าย หากไม่สามารถโน้มน้าวผู้เสียหายได้ ด้านฝ่ายค้านของสิงคโปร์วิจารณ์กฎหมายนี้ ว่าเข้าข่ายล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชน แต่สนับสนุน เนื่องจากเชื่อว่า เป็นหนทางเด็ดขาดที่สุดในเวลานี้ ที่น่าจะช่วยหยุดการโอนเงินของผู้ที่กำลังตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพได้ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า กฎหมายของสิงคโปร์ในเรื่องนี้ มีความเฉพาะตัว และสิงคโปร์น่าจะเป็นประเทศแรกของโลก ที่เปิดทางให้พนักงานสอบสวนสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของประชาชน อนึ่ง ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ระบุว่า การหลอกลวงออนไลน์สร้างความเสียหายเป็นมูลค่าสูงถึง 650 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์หรือประมาณ 16,490.45 ล้านบาท เมื่อปี 2566