เมืองนิวยอร์กเริ่มเก็บ ค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Pricing) เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา
เมืองนิวยอร์กเริ่มเก็บ ค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Pricing) ไปเรียบร้อยแล้ว โดยเริ่มเก็บตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2568 ซึ่งผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารจะต้องจ่าย 9 ดอลลาร์เพื่อเข้าสู่แมนฮัตตันในวันธรรมดา ระหว่างเวลา 05.00-21.00 น. และในวันหยุดสุดสัปดาห์ ระหว่างเวลา 09.00-21.00 น. ในช่วงนอกเวลาทำการ อัตราค่าผ่านทางจะอยู่ที่ 2.25 ดอลลาร์สำหรับรถยนต์บุคคลธรรมดา
โดยค่าธรรมเนียมรถติดมีไว้เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่านแห่งนี้ การจราจรในนิวยอร์กเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองที่มีการจราจรคับคั่งที่สุดในโลก แซงหน้าลอนดอน ปารีส และเม็กซิโกซิตี้ ในผลสำรวจการจราจรประจำปี 2023 ที่จัดทำโดย INRIX คาดว่าโครงการนี้จะช่วยสร้างรายได้ 15,000 ล้านดอลลาร์
เงินที่ได้จะนำไปใช้ซ่อมแซมและปรับปรุงระบบรถไฟใต้ดินเก่าของนิวยอร์ก และเส้นทางรถไฟสำหรับผู้โดยสารประจำ 2 เส้นทาง ทางด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่จากพรรครีพับลิกัน ได้ให้คำมั่นว่าจะยุติโครงการนี้เมื่อเข้ารับตำแหน่ง เพราะโครงการนี้จะทำให้เมืองนิวยอร์กเสียเปรียบเมืองและรัฐคู่แข่ง และธุรกิจต่าง ๆ จะย้ายออกไป ค่าผ่านทางจะเพิ่มขึ้นเป็น 12 ดอลลาร์ในปี 2028 และเป็น 15 ดอลลาร์ในปี 2031
แผนใหม่นี้ตั้งเป้าว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ต่อปีในช่วง 3 ปีแรก จากนั้นจะเพิ่มเป็น 700 ล้านดอลลาร์เมื่อค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น และเมื่อค่าธรรมเนียมกลับมาเป็นอัตราปรกติจะสร้างรายได้ถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ เจ้าหน้าที่คมนาคมคาดว่าการจ่ายค่าธรรมเนียมนี้จะช่วยลดจำนวนรถยนต์ที่เข้าสู่เขตการจราจรหนาแน่นได้อย่างน้อย 13% อย่างไรก็ตาม น่าจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งก่อนเพื่อประเมินว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยลดปัญหาการจราจรได้หรือไม่ รวมถึงจะสามารถรอดพ้นจากกระแสคัดค้านและความพยายามล้มเลิกโครงการของโดนัลด์ ทรัมป์ได้หรือไม่