ฉาวสนั่น! สื่อไต้หวันรายงานสาวไทยแห่ค้าประเวณีหลังเปิดฟรีวีซ่า
สื่อไต้หวันตีแผ่ปัญหาหญิงไทยค้าบริการทางเพศ หลังเปิดฟรีวีซ่า ชี้เป็นช่องโหว่ของนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว นโยบายเปิดฟรีวีซ่าของไต้หวัน ซึ่งตั้งใจจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากไทย กลับกลายเป็นช่องโหว่ที่นำไปสู่ปัญหาสังคมครั้งใหญ่ เมื่อสื่อไต้หวันรายงานว่าหญิงไทยจำนวนมากเดินทางเข้าประเทศเพื่อประกอบธุรกิจค้าประเวณีอย่างผิดกฎหมาย สร้างผลกระทบทั้งต่อภาพลักษณ์ของประเทศและความยากลำบากต่อคนไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวและทำธุรกิจในไต้หวัน
ข้อมูลจากรายงานระบุว่า ตั้งแต่ปี 2566 มีหญิงไทยอายุต่ำกว่า 40 ปี เดินทางเข้าประเทศไต้หวันโดยไม่ต้องขอวีซ่ากว่า 140,000 คน และในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 110,000 คน ที่น่าตกใจคือ จากข้อมูลการจับกุมผู้ค้าบริการทางเพศ พบว่ากว่า 80% ของผู้ที่ถูกจับเป็นหญิงไทยที่ถือวีซ่านักท่องเที่ยว
แอรอน (นามสมมติ) ผู้เชี่ยวชาญในวงการจัดหาหญิงบริการทางเพศ เผยว่า การที่ไต้หวันมีนโยบายจำกัดการเข้าเมืองของหญิงจากเวียดนามในช่วงก่อนหน้า ได้เปิดช่องให้หญิงไทยเข้ามาแทนที่ในตลาดบริการทางเพศ และหากมีการออกมาตรการจำกัดหญิงไทยอีก ก็อาจเกิดปัญหาในลักษณะเดิมที่ต้องหาหญิงจากประเทศอื่นมาทดแทน
นอกจากหญิงไทยที่เข้ามาในไต้หวันเพื่อลักลอบค้าบริการแล้ว ผู้ประกอบการในธุรกิจกลางคืนบางส่วนเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ โดย เสี่ยวฮัว (นามสมมติ) เจ้าของโรงแรมในไทเป ระบุว่า ผู้ประกอบการบางรายเริ่มนำเข้าหญิงสาวจากประเทศอื่น เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “มุ่งใต้ใหม่” ของไต้หวันที่มีเป้าหมายเชื่อมโยงกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจกลางคืนในพื้นที่สำคัญ เช่น ว่านหัว และเป่ย์โถว ที่เคยพึ่งพาอุตสาหกรรมทางเพศ กลับเผชิญปัญหาท้าทาย เนื่องจากการค้าบริการ การเปลื้องผ้า หรือการมีเพศสัมพันธ์เพื่อการค้ายังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมายในไต้หวัน
กรณีหญิงไทยที่เดินทางมาค้าประเวณีในไต้หวัน ไม่เพียงแต่สร้างความกังวลให้กับคนไต้หวันเอง แต่ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยด้วย ตัวแทนที่ไม่เปิดเผยชื่อให้ความคิดเห็นว่า หลายประเทศ เช่นในยุโรปหรือแม้แต่ประเทศไทย มีการจัดโซนโคมแดงอย่างถูกกฎหมายเพื่อควบคุมปัญหาการค้าบริการทางเพศ แต่ในไต้หวันเรื่องนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนและยังไม่มีแนวทางการจัดการที่ชัดเจน
ชาวเน็ตและนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่ารัฐบาลไต้หวันควรพิจารณามาตรการป้องกันที่เข้มงวดขึ้น เช่น การตรวจสอบประวัติผู้เดินทางและการติดตามพฤติกรรมหลังจากเข้าประเทศ เพื่อป้องกันการใช้วีซ่าท่องเที่ยวในทางที่ผิด นอกจากนี้ การสร้างความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่อาจมีความเสี่ยงก็เป็นสิ่งสำคัญ
ปัญหาที่เกิดขึ้นเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับปรุงนโยบายฟรีวีซ่า โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งไทยและไต้หวันจำเป็นต้องร่วมมือกันในการวางมาตรการที่ชัดเจนและครอบคลุม ไม่เพียงแต่เพื่อป้องกันปัญหาการค้าประเวณีเท่านั้น แต่ยังเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของทั้งสองประเทศในสายตาชาวโลก
แนวทางหนึ่งที่ได้รับการเสนอคือการเพิ่มการคัดกรองผู้เดินทางเข้าไต้หวัน โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางมาเพื่อประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย อีกทั้งยังต้องพิจารณาให้มีมาตรการที่เข้มงวดในการตรวจสอบสถานที่ต้องสงสัย เช่น โรงแรมหรือสถานบันเทิงกลางคืนที่อาจเกี่ยวข้องกับการค้าบริการ