คดีพลิก! แม่แบงค์ เลสเตอร์ไม่ได้ถูกไล่ออก แถมเงินเดือนสูงกว่าที่คิด
แม่แบงค์ เลสเตอร์ ขอความช่วยเหลือ กลับเข้าทำงาน รปภ.ที่เดิม หลังมีดราม่าลูกบ้านร้องเรียน
เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 ได้มีกรณีของ นางวนิดา สังข์ฤทธิ์ อายุ 51 ปี คุณแม่ของ แบงค์ เลสเตอร์ ที่เข้าขอความช่วยเหลือจากกลุ่ม “สายไหมต้องรอด” หลังต้องออกจากงาน รปภ. เนื่องจากมีปัญหากับลูกบ้านในหมู่บ้าน ม.2 ต.ลำสามแก้ว อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เรื่องนี้กลายเป็นกระแสที่มีคนให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง
นางวนิดา สังข์ฤทธิ์ ทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ในหมู่บ้านดังกล่าว แต่หลังจากมีเหตุทะเลาะกับลูกบ้าน จนถูกกล่าวหาว่าข่มขู่ ทำให้เกิดการร้องเรียนต่อบริษัทต้นสังกัด ซึ่งส่งผลให้บริษัทตัดสินใจเปลี่ยนสถานที่ทำงานของเธอไปยังหมู่บ้านอื่น
อย่างไรก็ตาม นางวนิดายืนยันว่าเธอไม่ได้ทำผิดอะไร เธอรักและผูกพันกับงานที่เดิม จึงเข้าขอความช่วยเหลือจากสายไหมต้องรอดเพื่อช่วยเจรจากับทางหมู่บ้านให้เธอได้กลับไปทำงานในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง
ทีมงานสายไหมต้องรอดได้พานางวนิดาไปพูดคุยและเจรจากับนิติบุคคลของหมู่บ้าน โดยได้รับการช่วยเหลือจากอดีตนิติบุคคลซึ่งทำหน้าที่เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย เพื่อทำความเข้าใจและขอให้ทางหมู่บ้านพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง
อดีตนิติบุคคลกล่าวว่า นางวนิดาเป็นคนที่ทำงานซื่อตรงและปฏิบัติตามกฎระเบียบของหมู่บ้านอย่างดี แต่ข้อเสียคือเธอเป็นคนพูดตรงจนทำให้บางครั้งลูกบ้านไม่พอใจ ซึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเธอได้เข้าไปขอโทษลูกบ้านที่มีปัญหาแล้ว และทั้งสองฝ่ายไม่มีการติดใจเอาความต่อกัน
ทางด้านประธานนิติบุคคลกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการเตือนนางวนิดาหลายครั้งเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ทำให้ลูกบ้านไม่พอใจ โดยครั้งล่าสุดเกิดเหตุการณ์ทะเลาะกับลูกบ้านจนลูกบ้านแจ้งว่าเธอข่มขู่
หลังจากนั้น คณะกรรมการหมู่บ้านจึงประชุมและแจ้งบริษัทให้เปลี่ยนตัว รปภ. เพื่อความสงบเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ทางหมู่บ้านยังเปิดโอกาสให้พิจารณาเรื่องนี้ใหม่ โดยจะนำเรื่องเข้าสู่การโหวตของคณะกรรมการทั้งหมด 7 คน ซึ่งจะได้ข้อสรุปภายในวันที่ 7 มกราคมนี้ว่าจะให้นางวนิดากลับมาทำงานในตำแหน่งเดิมหรือไม่
นางวนิดากล่าวว่า เธอรักงานและผูกพันกับหมู่บ้านนี้เป็นอย่างมาก เธอยืนยันว่าไม่เคยดื่มสุรา และทำงานอย่างซื่อสัตย์มาโดยตลอด เธอรู้สึกกดดันอย่างมากจากการถูกกล่าวหาว่าข่มขู่ลูกบ้าน ซึ่งไม่เป็นความจริง
ปัจจุบันเธออยู่ในตำแหน่ง รปภ.สำรอง โดยทำหน้าที่แทนในกรณีที่หมู่บ้านอื่นมี รปภ.ลาหยุดหรือขาดงาน ทำให้รายได้ไม่แน่นอน เธอได้รับเงินรายวันเพียง 480 บาท ซึ่งรายได้รวมต่อเดือนประมาณ 13,000-14,000 บาทเท่านั้น
รายได้ที่เธอได้รับต้องใช้จ่ายในหลายส่วน ทั้งค่าดูแลแม่ที่ จ.อุดรธานี ซึ่งเธอส่งเงินให้เดือนละ 1,500 บาท รวมถึงค่าเช่าห้องและค่าน้ำค่าไฟอีก 1,500 บาท นอกจากนี้ยังมีค่าน้ำมันรถที่ใช้เดินทางไปทำงาน ทำให้เหลือเงินใช้ส่วนตัวเพียง 300-400 บาทต่อเดือนเท่านั้น
เธอกล่าวด้วยความอัดอั้นว่า “หนูไม่เคยละเลยหน้าที่ และพร้อมจะกลับมาทำงานที่นี่ ถ้าทางหมู่บ้านยอมรับและให้โอกาส”
เรื่องนี้ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก หลายคนออกมาแสดงความเห็นใจและให้กำลังใจนางวนิดา บางส่วนเรียกร้องให้ทางหมู่บ้านพิจารณาให้โอกาสเธอกลับมาทำงาน โดยมองว่าเธอเป็นคนทำงานอย่างซื่อสัตย์และทุ่มเท
ตัวอย่างความคิดเห็น:
“ให้โอกาสเธอเถอะค่ะ คนทำงานซื่อตรงแบบนี้หาได้ยาก”
“เรื่องนี้อาจเป็นเพียงการสื่อสารที่ผิดพลาด ลองเปิดใจให้เธอกลับมาทำงานนะคะ”
“สู้ๆ นะคะ เข้าใจความลำบากของการหาเงินเลี้ยงครอบครัว”
อ้างอิงจาก: เพจFB:สายไหมต้องรอด