เผยสาเหตุ เฉินหลง ไม่ยกมรดกให้ลูก แต่ยกให้เป็นของกุศล
การตัดสินใจของ Jackie Chan (เฉินหลง) พระเอกแอ็คชั่นฮอลลีวูดชื่อดังที่มีผลงานระดับโลกมากมาย กลายเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮาไม่น้อยในวงการบันเทิงและสังคม โดยเฉพาะเมื่อเขาประกาศว่าจะไม่ยกมรดกของเขาให้กับลูกชายของตัวเอง แต่เตรียมที่จะนำมรดกที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐไปบริจาคเพื่อการกุศล ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนคาดไม่ถึงจากหนึ่งในซูเปอร์สตาร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในวงการบันเทิง
โดยในการให้สัมภาษณ์ล่าสุด Jackie Chan เปิดเผยว่า เขาไม่อยากให้ลูกชายอย่าง Jaycee Chan (เจย์ซี เฉิน) ได้รับมรดกมากมายจากเขา เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้ลูกชายเติบโตขึ้นมาด้วยความคิดที่ว่าจะมีเงินมากมายเป็นมรดกตกทอด จึงต้องการให้เขาทำงานหนักและเรียนรู้ที่จะสร้างความสำเร็จด้วยตัวเอง เฉินหลงระบุว่า เงินทองไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชีวิตคนเรามีคุณค่า และเขาเชื่อว่าลูกชายควรจะเรียนรู้ถึงความสำคัญของการทำงานหนัก การมีความรับผิดชอบ และการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับสังคมมากกว่าการรับมรดกโดยไม่ต้องพยายาม
ในแง่ของ Jaycee Chan (เจย์ซี เฉิน) ลูกชายคนเดียวของเขา แม้จะมีสถานะเป็นลูกของซูเปอร์สตาร์ แต่ก็ไม่เคยได้รับสิทธิ์ในมรดกมหาศาลที่คาดว่าจะได้รับจากพ่อ โดย Jackie Chan ได้ย้ำว่า เขาเชื่อว่าการให้มรดกแก่ลูกอาจจะทำให้พวกเขาขาดความพยายามที่จะทำให้ชีวิตของตัวเองประสบความสำเร็จเหมือนที่พ่อเคยทำในอดีต โดยเขาคิดว่าการยกมรดกให้กับองค์กรการกุศลหรือโครงการเพื่อสังคมนั้น จะเป็นการใช้เงินในทางที่ดีที่สุด ซึ่งสามารถช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือและทำให้โลกนี้ดีขึ้น
การตัดสินใจของเฉินหลงในการยกมรดกให้กับการกุศลนั้น ยังเป็นการสะท้อนถึงทัศนคติของเขาต่อการบริหารจัดการทรัพย์สินและความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก เฉินหลงเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่มีกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการกุศล เขามีโครงการและมูลนิธิหลายแห่งที่ช่วยเหลือเด็กๆ และคนยากไร้ ซึ่งการตัดสินใจในครั้งนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตตามแนวทางของเขาที่ต้องการให้ทรัพย์สินที่มีประโยชน์ไปช่วยเหลือผู้อื่นแทนการถ่ายทอดทรัพย์สินให้กับครอบครัว
ทั้งนี้ ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถามจากหลายฝ่ายเกี่ยวกับการตัดสินใจของ Jackie Chan ว่าทำไมเขาจึงไม่ให้มรดกแก่ลูกชาย ซึ่งบางคนมองว่าอาจจะเป็นการตัดสินใจที่รุนแรงเกินไป ในขณะที่บางคนก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ เพราะมองว่าเป็นการสอนให้ลูกเรียนรู้ถึงคุณค่าของความพยายามและความมุ่งมั่นในการสร้างความสำเร็จด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่การรอรับทรัพย์สินจากมรดก นอกจากนี้ ยังมีความคิดเห็นที่สนับสนุนการตัดสินใจของเขาว่าการยกมรดกให้กับองค์กรการกุศลนั้น เป็นการทำความดีเพื่อส่วนรวมและเป็นการใช้ทรัพย์สินในทางที่สร้างประโยชน์สูงสุด
Jackie Chan เองก็ยอมรับว่า การตัดสินใจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขามองว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในมุมมองของเขา ซึ่งเขาหวังว่าในอนาคตจะมีคนทำตามแบบอย่างของเขาในการใช้ทรัพย์สินที่มีเพื่อสังคมและเพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ
ถึงแม้ว่าเรื่องราวนี้จะทำให้หลายคนประหลาดใจ แต่ก็เป็นการย้ำเตือนถึงความสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและการแสดงออกถึงความรับผิดชอบที่มีต่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่เป็นบุคคลสาธารณะที่มีอิทธิพลต่อผู้คนจำนวนมาก ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์และการสนับสนุนในหลายมุมมอง การตัดสินใจของ Jackie Chan ในการยกมรดกให้กับการกุศลจึงยังคงเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่น่าสนใจและสะท้อนถึงทัศนคติที่สำคัญในสังคมปัจจุบัน