หนุ่มฟ้องยื่นฟ้องสำนักงานสลากแคลิฟอร์เนีย อ้างว่าเขาถูกรางวัลมูลค่ากว่า 13,000 ล้านบาท แต่เขากลับได้รางวัลแค่ครึ่งเดียว
เป็นการรรายงายข่าวมาจากสำนักข่าวต่างประเทศ ได้รายงานกรณี ฟารามาร์ซ ลาฮิจานิ ยื่นฟ้องสำนักงานสลากแคลิฟอร์เนีย โดยอ้างว่าตนได้รับเงินรางวัลจากการถูกลอตเตอรี่เพียงครึ่งเดียวของรางวัลแจ๊กพอตที่ออกเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 ลาฮิจานิอ้างว่า เขาซื้อลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลมา 2 ใบ ซึ่งมีมูลค่ารางวัลแจ๊กพอต เมกะมิลเลียนส์ รวม 394 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 13,407 ล้านบาท
แต่เขาหาสลากเจอเพียงใบเดียว จึงได้รับเงินรางวัลเพียงครึ่งเดียวของเงินทั้งหมดที่เขาควรจะได้ ในบันทึกคดีฟ้องร้องที่ยื่นต่อศาลสูงของลอสแอนเจลิสเมื่อวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค. 2567 ลาฮิจานิซึ่งเป็นฝ่ายโจทก์อ้างว่า เขามีสิทธิได้รับเงินรางวัลแจ๊กพอตทั้งหมดรวมถึงเงินรางวัล 197 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 6,703 ล้านบาท จากลอตเตอรี่ใบที่ 2
ซึ่งเขาหาไม่เจอ โดยเขาซื้อลอตเตอรี่ทั้งสองใบซื้อจากปั๊มน้ำมันเชฟรอนในเมืองเอนซิโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ลาฮิจานิอ้างว่า ลอตเตอรี่ที่เขาซื้อมาทั้งสองใบนั้นถูกรางวัลแจ๊กพอตทั้งหมดโดยเขาเลือกซื้อตัวเลขชุดเดียวกันกับที่เขาซื้อมาตลอดมา 30 ปี ได้แก่ 21, 26, 53, 66, 70 และ เมกะนัมเบอร์ คือ 13 โดยลูกๆ ของเขาเป็นคนเลือกตัวเลขเหล่านี้เมื่อนานมาแล้ว
ในเอกสารคำฟ้องยังระบุด้วยว่า สำนักงานสลากของแคลิฟอร์เนียก็ออกประกาศเกี่ยวกับผลรางวัลในงวดนั้นว่า มีลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลและตรงกับหมายเลขรางวัลแจ๊กพอตเพียงชุดเดียว ซึ่งคิดเป็นเงินรางวัลทั้งหมดประมาณ 394 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ลาฮิจานิยังกล่าวหาว่าสำนักงานสลากแคลิฟอร์เนีย มีข้อมูลเพียงพอที่จะยืนยันได้ ว่าเขาเป็นผู้ซื้อสลากทั้งสองใบที่ตรงกับหมายเลขที่ถูกรางวัลและเป็น ผู้ชนะเพียงผู้เดียวและถูกต้องตามกฎหมายของรางวัลแจ๊กพอตลอตเตอรี่เมกะมิลเลียนส์มูลค่า 394 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ลาฮิจานิยื่นคำร้องเพื่อขอรับรางวัลจากสลากใบที่ 2 จากสำนักงานสลากแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา
ก่อนจะถึงกำหนดสิ้นสุดการยื่นคำร้องในวันที่ 8 ธ.ค. 2567 ด้านโฆษกของสำนักงานสลากแคลิฟอร์เนียกล่าวในแถลงการณ์ว่า เป็นการ “ไม่เหมาะสม” ที่สำนักงานสลากแคลิฟอร์เนียจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีความที่ยังดำเนินอยู่หรือคดีความใดๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อกระบวนการที่เกี่ยวข้องดำเนินไปอย่างสมบูรณ์