ร้องตำรวจ!! แม่ใจสลายลูกสาวพิการถูกข่มขืนคาบ้าน ล่าสุดท้อง 7 เดือน
สังคมเราสมัยนี้ มีเรื่องราวมากมายที่ชวนให้เศร้าใจ
บางเรื่องเป็นเรื่องที่สุดเวทนาอย่างเช่นเรื่องราวของสาวพิการซ้ำซ้อนรายนี้
ซึ่งเธอได้มีความพิการทางสมอง เป็นใบ้ขาเป๋ ปัจจุบันเธออายุ 27 ปีเธอได้อยู่บ้านตามลำพัง
วันหนึ่งมีคนร้าย เป็นชายบุกเข้าบ้านข่มขืนเธอกลางวันแสกๆ เวลาผ่านมาเจ็ดเดือน
เธอได้มีอาการเจ็บท้องอย่างหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลหลังจากที่แพทย์ได้ทำการตรวจวินิจฉัยโรค
แล้วกลับพบว่าเธอตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้วผู้เป็นแม่ของเธอเมื่อได้รู้ความจริงถึงกับเป็นลม
รีบเข้าแจ้งความตั้งแต่เดือนมีนาคม 2000 567 ที่ผ่านมาจนปัจจุบันสาวพิการรายนี้
คลอดลูกชายออกมาได้เจ็ดเดือนแล้วกลับยังไม่มีวี่แววว่าจะจับคนร้ายได้เลย
แม่ร่ำไห้อ้อนวอนตำรวจอยากให้จับคนร้ายดำเนินคดีชดใช้ความผิด เพราะสิ่งที่คนร้ายทำกับลูกสาวของเธอนั้น
ถือเป็นฝันร้ายของคนเป็นแม่และตัวหญิงสาวพิการเอง ทุกข์ซ้ำกว่านั้นแม่กลับต้องมาหยุดงาน
เพื่อเลี้ยงหลานทำให้ครอบครัวขาดรายได้จุนเจือยิ่งสร้างความลำบากขึ้นไปอีก
ต่อมาหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ไป ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาที่บ้านหลังหนึ่งในตำบลสร้างคอม
อำเภอสร้างคอม จังหวัดอุดร ธานี หลังได้รับการร้องเรียนจากนางสาวบุสดี อายุ 52 ปี
ผู้เป็นแม่ของสาวพิการ ขออนุญาตใช้ชื่อย่อว่านางสาวกอ บุตรสาวอายุวัย 27 ปี
ที่พิการซ้ำซ้อนมาตั้งแต่กำเนิด ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกเข้ามาในบ้านแล้วทำการข่มขืนกระทำชำเรา
จนเธอได้ตั้งท้องและคลอดลูกออกมาเป็นเด็กชายอายุเจ็ดเดือน
นางบุสดีผู้เป็นแม่ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าเรื่องนี้ได้แจ้งความไว้แล้วที่สภ. สร้างคอม
แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ซึ่งลูกสาวให้ข้อมูลผ่านภาษามือ
คนร้ายเป็นคนขับรถส่งน้ำดื่มทั้ง 20 ลิตรตามหมู่บ้าน แต่ก็ยังไม่มีการนำตัวมาสอบสวนพิสูจน์ความจริง
ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือด้วย
ลักษณะของบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวมีรั้วรอบขอบชิด
ผู้เป็นแม่ได้นำผู้สื่อข่าวไปชี้จุดเกิดเหตุบริเวณห้องโถงในบ้าน จุดที่ นางสาวกอ
นอนพักผ่อนอยู่ในบ้านก่อนจะถูกคนร้ายเข้ามาข่มขืนและบริเวณชั้นหน้าบ้านจุดที่วางถังน้ำดื่ม
ซึ่งเป็นจุดที่นางสาวกอ ได้บอกว่าคนร้ายคือชายที่มาส่งน้ำดื่มทำสัญญามือว่าบอกให้ตำรวจมาจับกุม
ผู้เป็นแม่เล่าเรื่องส่วนตัวของของตัวเองต่อว่า ตนมีลูกสี่คน นางสาวกอเป็นลูกคนที่สอง
ซึ่งมีความพิการมาแต่กำเนิด โดยได้พิการทางสมอง เป็นใบ้และแขนขาอ่อนแรง
เดินไม่สะดวก ผู้เป็นสามีเก่าเสียชีวิตไปนานแล้ว ปัจจุบันผู้เป็นแม่ได้แต่งงานใหม่กับนายไพฑูรย์ อายุ 59 ปี
ส่วนลูกชายคนโตทำงานที่กรุงเทพ ลูกสาวคนที่สาม และลูกชายคนที่สี่ยังเรียนหนังสืออยู่
ก่อนหน้านี้ผู้เป็นแม่ได้ทำอาชีพรถเล่ขายผักและผลไม้
โดยจะตระเวนไปค้าขายตามหมู่บ้านกับสามีใหม่ ทำให้มีความจำเป็นต้องให้น้องก
อ อยู่บ้านตามลำพัง
ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าน้องกถูกกระทำวันไหน แต่คิดว่าต้องเป็นช่วงกลางวันที่ไม่มีคนอยู่ด้วย
ซึ่งมีวันหนึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว น้องโทรหาแม่ ส่งเสียงเหมือนจะบอกว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
เมื่อกลับมาตอนค่ำน้องกอ ก็ทำท่าทางชี้ไปจุดที่วางถังน้ำดื่ม
ตนก็นึกว่าน้องต้องการจะบอกว่ามีคนมาส่งน้ำ แต่ก็รู้สึกเอะใจพอสมควร
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2567 แม่ไล่กลับมาที่บ้านตอนค่ำ
และได้พบว่าน้องมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ต้นก็คำท้องดูก็พบว่าท้องแข็ง ตอนแรกนึกว่าน้องเป็นไส้ติ่ง
จึงรีบพาไปโรงพยาบาลสร้างคอม เมื่อหมอตรวจอย่างละเอียด
ก็พบว่าน้องได้ตั้งครรภ์ 34 สัปดาห์หรือประมาณเจ็ดเดือนกว่าแล้ว
เมื่อตนรู้อย่างนั้นก็ถึงกับเป็นลม แต่เมื่อตั้งสติได้ก็ไปแจ้งความไว้ที่สภ. สร้างคอม
และต่อมาเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 น้องได้เจ็บท้องคลอดจึงรีบพาไปโรงพยาบาลเพ็ญ
แต่น้องก็กลับคลอดเองบนรถพยาบาล ตอนแรกกังวลเพราะหมอบอกว่าอาจต้องผ่าคลอด
เนื่องจากน้องกล้ามเนื้ออ่อนแรงแต่สุดท้ายก็ผ่านมาด้วยดี เด็กที่ออกมาก็แข็งแรงสมบูรณ์ดี
ผู้เป็นแม่เล่าต่ออีกว่า ตำรวจได้นำตัวนายไพฑูรย์ซึ่งเป็นสามีใหม่และชายวัยรุ่นในหมู่บ้าน
ไปตรวจดีเอ็นเอเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม แต่ข้อมูลที่น้องบอกแม่และตำรวจคือสงสัยชายวัยรุ่นที่มาส่งน้ำดื่ม
ที่บ้าน แต่ยังไม่มีมีการนำตัวมาสอบสวนหรือเก็บดีเอ็นเอ ตอนสอบถามน้องกอ
ทุกครั้งจะได้รับการยืนยันและส่งสัญญาณว่าเป็นชายที่ส่งน้ำดื่มเป็นคนกระทำชี้ถามรถส่งของอย่างอื่น
น้องก็บอกว่าไม่ใช่ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้เป็นแม่มั่นใจเป็นอย่างมากว่าเป็นชายที่ส่งน้ำ
ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ส่งน้ำแล้วไม่รู้ว่าไปทำงานอะไรที่ไหน ครั้งสุดท้ายที่ใช้ส่งน้ำมาส่งที่บ้าน
เค้าก็เห็นว่าเด็กคลอดแล้วเค้ามีท่าทางเงียบ ก้มหน้าไม่สบตา ก็ยิ่งทำให้แม่สงสัยจึงให้ลูกสาวอีกคนแอบถ่ายรูปไว้
ทางด้านของนายไพฑูรย์พ่อเลี้ยงของน้องกอ ได้เปิดเผยความในใจว่า
ตอนนั้นเป็นพ่อหม้ายมีลูกสามคนอยู่กิจกับนางบุสดี ตั้งแต่ปี 2563
หลังเกิดเรื่องตนต้องทำงานตัดไม้เผาถ่าน หาเงินให้ลูกลูกไปโรงเรียนต้นรักลูกทุกคน
เลี้ยงน้องมาเหมือนกัน เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้กับน้องกอ ก็รู้สึกสงสารอย่างยิ่งต่อไปก็ยังจะดูแลกันแบบนี้
และจะไม่ทิ้งน้องไปไหน ภรรยาตนก็ป่วยเป็นเบาหวานไม่สามารถทำงานหนักได้
เมื่อรู้ว่าน้องถูกข่มขืน ตนก็รู้สึกแค้นใจและอยากตบหน้าคนที่กระทำเช่นนั้น
ส่วนที่ว่าสงสัยตนแล้วตรวจดีเอ็นเอ ตนไม่ติดใจเพราะตนบริสุทธิ์อยู่แล้วตนไม่ได้ทำ
เรื่องนี้ได้ทราบถึงนางรณิดา เหลืองฐิติสกุล , พลตำรวจเอกกานต์ ตั้งวิจิตร
และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าว
เพื่อชี้แจงขั้นตอนการทำงานและการช่วยเหลือในเบื้องต้นสร้างความดีใจให้กับครอบครัวของน้องกอเป็นอย่างมาก
แม่ของน้องกก้มกราบขอบพระคุณทุกหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือ