ผัวเหี้ยมผลักเมียตกเรือลงทะเล..หวังเอาเงินประกันไปซื้อบริการทางเพศ
ผัวเหี้ยมผลักเมียตกเรือลงทะเล..หวังเอาเงินประกันไปซื้อบริการทางเพศ ทั้งนี้ศาลสูงในมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน ก็ได้ตัดสินประหารชีวิต "นายหลี่" ชายวัย 47 ปีจากนครเซี่ยงไฮ้ ในโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หลังที่เขาจงใจผลักภรรยาตัวเองให้ตกลงทะเล เพื่อหวังฮุบเงินประกัน 12 ล้านหยวน (ราว 60 ล้านบาท)
โดยคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ค.2021 เมื่อนายหลี่ได้พาภรรยาไปเที่ยว โดยเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี จากเมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง ไปยังเมืองเยียนไถ มณฑลซานตง ประเทศจีน ซึ่งในระหว่างที่อยู่บนเรือนั้น เขาได้วางแผนฆ่าภรรยาตัวเอง ด้วยการผลักเธอให้ตกจากราวกั้นของเรือ และในเวลา 45 นาทีต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พบศพภรรยาของเขา ซึ่งพอทราบข่าวดังนั้น นายหลี่ก็แสร้งทำเป็นช็อกและทรุดตัวลงไปกองอยู่กับพื้น
อย่างไรก็ดี แม้เรื่องนี้จะดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุแต่เจ้าหน้าที่กลับรู้สึกระแคะระคาย และมีความสงสัยบางอย่าง เนื่องจากบนเรือนั้นมีกล้องวงจรปิดมากกว่า 200 ตัว แต่ทว่าจุดที่ภรรยาของเขาตกลงไปนั้นกลับเป็นจุดบอดของเรือ ที่ไม่มีกล้องวงจรปิด แถมผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชยังได้พบรอยช้ำบนใบหน้าของผู้ตายอีกด้วย และยิ่งไปกว่านั้น นายหลี่ยังรีบขอใบมรณบัตร แถมยังยืนกรานที่จะจัดงานศพภายใน 3 วัน โดยอ้างว่าทำตามประเพณี และด้วยความสงสัย ทางตำรวจจึงเชิญตัวนายหลี่ไปที่เมืองต้าเหลียน โดยบอกว่าจะมอบใบมรณบัตรให้ ขณะเดียวกันก็แอบส่งเจ้าหน้าที่ไปเซี่ยงไฮ้ เพื่อสืบเรื่องราวต่างๆ ของนายหลี่อย่างลับๆ ทั้งนี้จากการตรวจสอบก็พบว่า นายหลี่เป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง และมีหนี้สินอยู่ 1 ล้านหยวน (ประมาณ 5 ล้านบาท) และครองตัวเป็นโสดมานานหลายปี กระทั่งได้แต่งงานกับผู้ตายซึ่งเป็นหญิงม่ายในเดือน ต.ค.2020 ที่ผ่านมา (เพียง 6 เดือนก่อนที่เธอจะเสียชีวิต)
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการติดตาม จนไปพบตัวแฟนสาววัย 19 ปีของนายหลี่ นอกจากนี้เขาเองยังซื้อบริการทางเพศ หลังจากที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตไปเพียงครึ่งเดือน ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ทราบว่า นายหลี่ได้ซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตเอาไว้ 4 ฉบับให้กับภรรยาของเขา และระบุด้วยว่า ถ้าเมียตายคนที่ได้รับผลประโยชน์ก็คือเขาแต่เพียงผู้เดียว
สุดท้าย นายหลี่ก็ถูกจับ โดยจำนนต่อหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และภาพจากกล้องวงจรปิดที่ชี้ชัดว่า เขาคือฆาตกรที่แท้จริง ทั้งนี้นายหลี่ก็สู้คดีมาตั้งแต่ปี 2022 ที่ผ่านมา แต่ท้ายที่สุดแล้วศาลก็ได้ตัดสินยืนยันตามคำพิพากษาเดิม