เสียงปริศนาในโลงศพ 3 แม่ลูกเหยื่อบีเอ็ม กู้ภัยขนลุก ต้องให้พ่อมาจุดธูปบอกกล่าว
เหตุการณ์สะเทือนใจเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่นางสาวจิรันธนิน วัย 30 ปี ขับรถ BMW ด้วยความเร็วสูงถึง 207 กม./ชม. พุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ ทำให้ผู้เสียชีวิตมีทั้งนางเย็นจิตร ผู้เป็นแม่ และลูกชายวัย 16 ปี และลูกสาววัย 14 ปี เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะผู้เป็นแม่ขับรถไปรับลูกจากการเรียนพิเศษ บริเวณเชิงสะพานถนนสาย จ. หมู่ 9 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้แก่ครอบครัวและชุมชนเป็นอย่างมาก
ในวันที่ 5 ธันวาคม ทีมข่าวได้เดินทางไปที่มูลนิธิชุมพรการกุศลส่งเคราะห์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ 59/1-5 ถนนประชาอุทิศ ตำบลท่าตะเภา อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร เพื่อพูดคุยกับนายประกฤษณ์ ผู้เป็นสามีและพ่อของผู้เสียชีวิต โดยนายประกฤษณ์เปิดเผยว่า หลังจากที่ครอบครัวได้นำร่างของภรรยาและลูกทั้งสองมาฝากไว้ที่มูลนิธิ เขาและครอบครัวต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและความเศร้าโศกอย่างสุดซึ้ง
นายประกฤษณ์เล่าว่า ทุกปีในวันพ่อ ครอบครัวของเขาจะมีการกินเลี้ยงกันอย่างอบอุ่นภายในบ้าน โดยมักจะเลือกซื้ออาหารที่ลูกๆ ชอบ เช่น ไก่ทอดและส้มตำ เพื่อสร้างความสุขร่วมกัน แต่ในปีนี้กลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่มีเสียงหัวเราะของลูกๆ และภรรยาอีกต่อไป สิ่งที่เขาทำได้ในปีนี้คือการซื้อของกินที่ลูกชอบมาให้ แต่เป็นการนำไปถวายที่ธูป ไม่ได้มีโอกาสให้ลูกๆ และภรรยาได้ลิ้มรสอีก
นายประกฤษณ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สะท้อนถึงความเจ็บปวดว่า “ในวันนี้มันมีแต่ความเงียบเหงาหัวใจเหลือเกิน พ่ออยากจะกอดลูกๆ เหมือนกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว” เขายังกล่าวต่อว่า ในวันนี้เขาจุดธูปบอกลูกๆ และภรรยาให้รับรู้ว่าทุกคนยังรอคอยการกลับมาของพวกเขา เมื่อความคืบหน้าทางคดีเสร็จสิ้น เขาจะนำร่างกลับไปทำพิธีอย่างสมบูรณ์ เพื่อทวงความเป็นธรรมให้กับลูกๆ และภรรยา
ทางด้านเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิชุมพรการกุศลส่งเคราะห์ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ในช่วงคืนแรกที่ร่างของผู้เสียชีวิตอยู่ที่มูลนิธิ มีเสียงดังออกมาจากโลงศพของคุณแม่ ซึ่งหลายคนได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงเคาะโลงศพต่อเนื่องตลอดคืน โดยเจ้าหน้าที่ต้องขอให้นายประกฤษณ์มาจุดธูปเพื่อบอกดวงวิญญาณของลูกๆ และภรรยาให้รับรู้ว่า ขณะนี้ร่างของพวกเขาถูกฝากไว้ที่มูลนิธิ และจะมีการนำกลับบ้านเมื่อเสร็จสิ้นงาน
เจ้าหน้าที่กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในคืนแรกมีเสียงดังอยู่ในโลงศพทั้ง 2 โลง ทั้งคืน มีเสียงร้องไห้และเสียงเคาะที่ไม่หยุดจนทำให้เรารู้สึกถึงความทุกข์ของผู้เสียชีวิต และในที่สุด เมื่อท่านพ่อได้จุดธูปบอกกล่าวดวงวิญญาณ ทั้ง 2 โลงก็เงียบลง”
เหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนในชุมชนและโลกออนไลน์สะเทือนใจอย่างมาก โดยมีการแสดงความเสียใจและแสดงความเห็นใจต่อนายประกฤษณ์และครอบครัวที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียอย่างหนักหน่วง ทั้งนี้หลายคนยังให้ความสำคัญต่อการติดตามความคืบหน้าของคดี เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัวของพวกเขา
ในส่วนของการดำเนินคดีนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าผู้กระทำผิดจะได้รับโทษตามกฎหมาย ความสูญเสียในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเจ็บปวดให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้สังคมตระหนักถึงการขับขี่อย่างปลอดภัยและการเคารพชีวิตของผู้อื่น
อ้างอิงจาก: ข้อมูล :เรื่องเล่าเช้านี้