ชาวบ้านทอดแหหาปลาในคลองเบตง พบสัตว์หน้าตาประหลาด ต่อมาจึงทราบว่ามันคือ หนูเหม็นหรือสาโท สัตว์ใกล้สูญพันธุ์
เรื่องนี้ได้ถูกเปิดเผยขึ้นมาเมื่อวานนี้ (4 ธันวาคม 2567) หลังจากน.ส.พัชรรินทร์ ประทุมเมฆ ประธานชมรมคนรักสัต์เบตง ว่า ที่บ้านของชาวบ้าน ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา มีสัตว์หน้าตาแปลกประหลาด จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบบ้านดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว อยู่ติดกับคลองเบตงบริเวณรอบบ้านเลี้ยงปลา ไก่ กระต่าย แมวและปลูกผัก ปลูกต้นไม้ ร่มรื่นน่าอยู่ ที่โต๊ะม้านั่งข้างคลองมีโหลพลาสติกกลมขนาดใหญ่วางอยู่ ภายในก็มีสัตว์หน้าตาแปลกประหลาดอยู่ด้านใน คือมีลักษณะลำตัวเหมือนหนู แต่หน้าตาคล้ายกับหมู และมีกลิ่นเหม็นมาก และดูท่าทางดุร้ายเวลาเข้าใกล้ จึงได้หากรงมาใส่และชั่งน้ำหนักดู พบว่าสัตว์ตัวนี้มีน้ำหนักถึง 1 กิโลกรัม หลังการสืบค้นข้อมูลพบว่า สัตว์ดังกล่าว คือ หนูเหม็น หรือ สาโท เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กมีรูปร่างลักษณะคล้ายหนู มีขนยาวปุกปุยรุงรังสีดำแซมขาว หัวมีขนสีขาวและมีแถบดำพาดผ่านตาเห็นได้ชัดเจน ปลายปากด้านบนและดั้งจมูกยาวเรียวยื่นออกไปมากกว่าปลายริมฝีปากล่าง หางมีเกล็ดเล็ก ๆ ปกคลุมคล้ายหางหนู มีสีดำและปลายหางสีขาว เป็นสัตว์ที่มีกลิ่นตัวเหม็นรุนแรงจึงเป็นที่มาของชื่อ ซึ่งกลิ่นตัวนี้คล้ายกับกลิ่นระเหยของแอมโมเนีย สามารถส่งกลิ่นออกไปได้ไกลเป็นระยะหลายเมตร ใช้สำหรับติดต่อกับหนูเหม็นตัวอื่น มักอาศัยอยู่ตามลำพัง ชอบอาศัยอยู่ในที่ชื้นแฉะตามป่าดิบชื้น เช่น ป่าโกงกาง, ป่าตามพื้นที่ราบเชิงเขา โดยเฉพาะตามหุบเขาที่มีป่ารกทึบ ติดกับลำธารที่มีน้ำไหลผ่านซึ่งเหมาะเป็นแหล่งในการหาอาหารได้สะดวก เป็นสัตว์ที่ออกหากินในเวลากลางคืน อาหาร ได้แก่ หนอน, ด้วง และแมลงต่าง ๆ, ไส้เดือนดิน สามารถที่จะล่าสัตว์เล็ก ๆ กิน เช่น ลูกกบ,เขียด, กุ้ง, ปู, ปลา และหอย ได้ด้วย กลางวันจะพักอาศัยหลบซ่อนอยู่ในรูดิน โพรงไม้และตามซอกใต้รากไม้ในป่าทั่วไป มีฤดูผสมพันธุ์ตลอดทั้งปี ๆ ละ 2 ครอก มีลูกครอกละ 2 ตัว มีนิสัยค่อนข้างดุร้ายพบกระจายพันธุ์อยู่ในแถบเทือกเขาตะนาวศรีในเขตพม่า และภาคใต้ของไทยตั้งแต่คอคอดกระลงไปตลอดแหลมมลายู, เกาะสุมาตรา และเกาะบอร์เนียว ปัจจุบันเป็นสัตว์หายากมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากสภาพพื้นที่ที่อยู่อาศัยถูกทำลาย และเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535