จำได้ไหม? เกรซ นวรัตน์ ลูกเสี่ยเจียง เผยเหตุลาวงการ ถูกแรงกดดันเรื่องเพศสภาพจนต้องลาวงการ
หากย้อนเวลากลับไปเมื่อหลายปีก่อน หลายคนคงยังจำอดีตนักแสดงเด็ก เกรซ นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ ลูกสาวของ เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ผู้ก่อตั้งสหมงคลฟิล์มได้ เกรซเคยมีผลงานการแสดงในวัยเด็กเพียงไม่กี่เรื่องก่อนจะตัดสินใจลาวงการเพื่อค้นหาตัวตนของตัวเอง และในที่สุดก็เลือกเดินบนเส้นทางที่สะท้อนความเป็นตัวเองอย่างแท้จริง นั่นคือการเปิดตัวเป็น ทรานส์แมน (Trans Man) หรือผู้ชายข้ามเพศ พร้อมกับการผ่าตัดแปลงเพศเพื่อยืนยันตัวตนในแบบที่เขาต้องการ
ล่าสุด (2 ธันวาคม 2567) เกรซ นวรัตน์ ได้ออกมาเปิดใจเกี่ยวกับชีวิตและความคิดเห็นต่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่เพิ่งผ่านร่าง รวมถึงความคืบหน้าที่กรุงเทพมหานครกำลังจะเปิดให้คู่รัก LGBTQ+ สามารถจดทะเบียนสมรสได้ในเดือนมกราคมปีหน้า เขากล่าวอย่างภูมิใจว่า “เราทำงานร่วมกับพี่ๆ นักขับเคลื่อนหลายคนมาหลายปีแล้ว ทั้งการเปิดเพลงและร่วมเดินพาเหรด ก็ดีใจมากที่วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมได้ผ่านร่างเป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่มีแผนสมรสเร็วๆ นี้ แต่การมีกฎหมายรองรับทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าความรักคือเรื่องสำคัญที่ไม่ควรถูกแบ่งแยก”
เมื่อถูกถามว่ามีแผนการแต่งงานหรือไม่ เกรซตอบด้วยท่าทีเขินอายว่า “เดี๋ยวพร้อมแล้วจะบอกค่ะ ตอนนี้เรามุ่งเน้นเรื่องกฎหมายก่อน ส่วนเรื่องของเรา เดี๋ยวค่อยว่ากัน”
เกรซแสดงความคิดเห็นอย่างจริงจังว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้เกิดความปลอดภัยและความเท่าเทียมในสังคม เขามองว่าการมีกฎหมายรองรับความรักและการสร้างครอบครัวเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความชัดเจนในชีวิต “กฎหมายสมรสเท่าเทียมแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางการรับรองอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่เพียงเรื่องส่วนตัว แต่ยังมีผลต่อการดำเนินชีวิตในเชิงธุรกิจและการสร้างครอบครัวที่มั่นคง หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินในชีวิต เช่น การเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ เราก็มั่นใจได้ว่าจะมีคนที่สามารถดูแลเราในฐานะคู่ชีวิต”
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เกรซต้องเผชิญกับความกดดันจากการถูกถามถึงเพศสภาพและบทบาทที่เขารับในวงการบันเทิง เขาเล่าว่า “เรารู้ตัวตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบว่าเราไม่ได้ชอบเพศที่เราเกิดมา แต่สังคมยังไม่พร้อมรับในตอนนั้น เราจึงเลือกเดินออกจากวงการ เพราะรู้สึกว่าไม่สามารถเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่”
เกรซยังกล่าวเสริมว่า “ตอนเด็กๆ มีคนถามเราว่าทำไมไม่ใส่กระโปรง ทำไมไม่ทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ คำถามเหล่านี้สร้างความกดดันให้เรามาก จนทำให้เราต้องหันหลังให้กับวงการบันเทิง” อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของสังคมในปัจจุบันทำให้เขารู้สึกดีใจที่คนรุ่นใหม่สามารถแสดงตัวตนได้อย่างเปิดเผยและมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
วันนี้เกรซใช้ชีวิตในแบบที่เขารู้สึกสบายใจที่สุด โดยเน้นการทำงานในด้านที่เขาสนใจ เช่น งานออกแบบ และการเปิดเพลงในบางโอกาส เกรซเล่าว่า “ตั้งแต่วันรับปริญญา ที่เราได้ใส่ชุดในเพศที่เรารู้สึกว่าคือเรา มันเป็นวันที่เราชัดเจนที่สุด” เขายังเสริมว่า การกลับมาในวงการบันเทิงอาจไม่ใช่สิ่งที่เขามองหาในตอนนี้ แต่เขายินดีที่จะตอบคำถามจากผู้คนที่สงสัยเกี่ยวกับตัวเขาในอดีต เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตัวตนของเขามากขึ้น
อ้างอิงจาก: NineEntertain Official