กลุ่มคนแอบไปทุบกำแพงวัด ขณะที่พระออกไปบิณฑบาตช่วงเช้า เพื่อเปิดทางขึ้นร้านกาแฟ พระออกมาติง มันบาปนะโยม
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับวัดเกาะเปริด โดยเหตุช่วงเช้าเมื่อวานนี้ (2 ธันวาคม 2567) โดยมีกลุ่มคนประกอบด้วยหญิงวัยกลางคน 3 คน ชายฉกรรจ์ 1 คน สวมแมสก์และเสื้อคลุมปกปิดใบหน้า อาศัยช่วงเช้าขณะที่พระออกไปบิณฑบาตหมดวัด เข้าทุบทำลายกำแพงปูนของวัด เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข้อพิพาท ระหว่างกลุ่มบุคคลสองฝ่าย เรื่องยื้อแย่งกรรมสิทธิ์ครอบครองร้านกาแฟชื่อดัง ซึ่งเคยเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ กระทั่งทางหน่วยงานราชการเข้ามาตรวจสอบและสั่งให้รื้อถอน ถอยจากแนวเขตหน้าผาเข้ามา และยังได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง เวลาต่อมามีการถอยร่นร้านกาแฟลงมาอยู่ด้านล่าง ห่างจากร้านเดิม ซึ่งเคยตั้งอยู่ชิดริมหน้าผา เข้ามาประมาณ 50 เมตร แต่แล้วก็เกิดปัญหาการแย่งชิงความเป็นเจ้าของขึ้นอีก ระหว่างเจ้าของที่เดิม ที่ถือครอบครองตามเอกสาร สค.1 กับคู่กรณีซึ่งเป็นอดีตลูกสะใภ้ และเป็นลูกสาวของอดีตเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ต่อมาทางคณะกรรมการของวัดเกาะเปริด ได้หารือกันและมีมติให้ทำการปิดทาง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวต้องใช้เส้นทางผ่านพื้นที่ของทางวัด ผ่านลานบุญ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญมากราบไหว้เป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้เป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงของทางวัด และเพื่อให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงเจรจาประนีประนอมกันก่อน ทางวัดจึงจะเปิดให้ใช้เส้นทางดังกล่าว แต่ปัญหาดังกล่าวก็ไม่จบ เช้าวันที่ 1 ธันวาคม 2567 เมื่อทางเจ้าอาวาสวัดและพระกลับจากการบิณฑบาต ก็พบว่ากำแพงของวัดได้ถูกทุบทำลายพังเสียหายทั้งหมด เมื่อตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบว่าบุคคลที่ก่อเหตุคือกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ ก็คือฝ่ายลูกสาว ได้ยกพวกเข้ามาทำลาย และขนเศษกำแพงปูนไปทิ้ง หลังเกิดเหตุทางเจ้าอาวาสได้ให้คณะกรรมการ ไปแจ้งความผู้ก่อเหตุไว้ที่สถานีตำรวจภูธร เกาะเปริด แล้ว โดย พระครูสิงหเขตภาวนาคุณ (พระอาจารย์โล้) เจ้าอาวาสวัดเกาะเปริด กล่าวว่า มันบาปนะโยมทำลายของวัด โดยที่ที่สร้างกำแพงปิดกั้นไว้และโดนทุบทำลายนั้น เป็นเขตของวัดโดยตรง ไม่ได้อยู่ในที่พิพาทของกลุ่มร้านกาแฟ และฝากบอกถึงผู้ก่อเหตุว่าการใช้อิทธิพลมันไม่ดี ขอให้มาคุยกัน