ผลการศึกษาพบว่า มลภาวะทางอากาศที่เกิดจากไฟไหม้ป่า คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปอย่างน้อยปีละ 1,500,000 คน
ความจริงที่น่าเศร้าใจนี้ ได้ถูกเปิดเผยขึ้นมาโดยสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวานนี้ (29 พฤศจิกายน 2567) ว่าผลการศึกษาครั้งล่าสุดจากวารสารทางการแพทย์ เดอะ แลนซิต ได้เปิดเผยว่า มลพิษทางอากาศที่เกิดจากไฟเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของผู้คนมากกว่า 1.5 ล้านรายต่อปีทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา โดยจำนวนผู้เสียชีวิตจากมลพิษดังกล่าว คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้เกิดไฟป่าบ่อยครั้งขึ้น และรุนแรงมากขึ้น รายงานเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจประมาณ 450,000 รายต่อปี ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ที่เกิดจากไฟไหม้ระหว่างปี 2543-2562 ผู้เสียชีวิตจากโรคทางเดินหายใจ 220,000 ราย ซึ่งเชื่อมโยงกับการสัมผัสกลุ่มควันและฝุ่นละอองที่เกิดจากไฟไหม้ โดยในแต่ละปี มีผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศจากไฟไหม้ป่า เฉลี่ยรวมราว 1.53 ล้านราย ผู้เสียชีวิตมากกว่า 90% อยู่ในประเทศที่มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง และเกือบ 40% มาจากภูมิภาคแอฟริกาใต้สะฮารา โดยประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ได้แก่ จีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก อินเดีย อินโดนีเซีย และไนจีเรีย รายงานระบุอีกว่า ความแตกต่างระหว่างประเทศร่ำรวยและยากจน เน้นย้ำถึง “ความอยุติธรรมด้านสภาพอากาศ” ซึ่งประเทศที่ปล่อยมลพิษน้อยที่สุด จะได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนมากที่สุด ขณะที่ผู้คนในประเทศยากจนไม่สามารถย้ายออกจากพื้นที่ ซื้อเครื่องฟอกอากาศและหน้ากาก หรืออยู่แต่ในบ้านได้ ทำให้ได้รับผลกระทบจากมลภาวะทางอากาศนี้ไปแบบเต็มๆ