กระทรวงแรงงานไทยจับตาดูและเตรียมรับมือหลังทรัมป์ชนะเลือกตั้ง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน "พิพัฒน์ รัชกิจประการ" ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงแรงงาน และ ผู้บริหารติดตามสถานการณ์ ด้านแรงงานอย่างใกล้ชิด หลัง "โดนัล ทรัมป์" ชนะการเลือกตั้งและจะเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกา ในช่วงต้นปีหน้า โดยพิจารณาว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบอย่างไร ในด้านการจ้างงาน? ทั้งผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายความมั่นคงและเศรษฐกิจ ของประธานาธิบดีคนใหม่ และ จัดทำแผนรองรับสถานการณ์ที่บูรณาการทั้งระบบ ตั้งแต่การจ้างงาน การพัฒนาทักษะฝีมือ การชดเชยการเลิกจ้าง และ สิทธิประโยชน์ของนายจ้างและลูกจ้าง
ซึ่งจากการวิเคราะห์เบื้องต้นนโยบาย "อเมริกันเฟิร์ส" อาจกระทบต่อการส่งออกของไทย เพราะสินค้าไทยมียอดเกินดุลการค้ากับอเมริกา เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เซมิคอนดักเตอร์ ยางล้อ เครื่องปรับอากาศ และ โซลาร์เซลล์ ที่อาจมีการเก็บภาษีสูงขึ้นหรือต้องการแรงงานทักษะสูง ซึ่งผู้ประกอบการและลูกจ้างจะต้องเตรียมรับมือกับเรื่องนี้
ประเทศไทยอาจได้อานิสงส์บางส่วน จากการย้ายฐานการผลิต หรือ การลงทุนโดยตรงกลุ่มการผลิตรถยนต์และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในไทยและอาเซียน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการจ้างงานแรงงานไทย อย่างไรก็ตามค่ายรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ที่มาตั้งฐานการผลิตในไทยอาจได้รับผลกระทบและส่งผลต่อเนื่องถึงแรงงานไทย รวมทั้งผู้ผลิตสินค้าไทยในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็ก เคมีภัณฑ์ สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม มีแนวโน้มต้องเผชิญการแข่งขันกับสินค้าจีนมากขึ้น เพราะจีนต้องหาตลาดส่งออกเพื่อระบายสินค้า ซึ่งภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงแรงงานจะต้องเฝ้าติดตามผลกระทบต่อลูกจ้างแรงงานไทยด้วย ที่สำคัญไทยจะต้องเกาะติดเรื่องความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่เกี่ยวพัน กับนโยบายความมั่นคงของอเมริกา โดยหากสถานการณ์รุนแรงขึ้นย่อมส่งผลต่อแรงงานไทย ที่ไปทำงานในพื้นที่ดังกล่าวโดยเฉพาะในอิสราเอล ทำให้ภาครัฐอาจต้องประกาศชะลอให้แรงงานไทยเดินทางไปทำงาน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
ไทยกับอเมริกา มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนาน โดยในเร็วๆนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจะได้พบหารือความร่วมมือ ด้านแรงงานกับเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งจากข้อมูลพบว่ามีแรงงานไทย ที่ทำงานอยู่ในอเมริกา มากถึง 940 คน โดยส่วนใหญ่ทำงานในตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟ พนักงานนวดสปา และ บาร์เทนเดอร์ ส่วนแรงงานสัญชาติอเมริกันที่ได้รับอนุญาตทำงานในประเทศไทย มีจำนวนประมาณ 6,600 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้านการสอน รองลงมาคือ ผู้จัดการบริษัท เจ้าหน้าที่บริหารของหน่วยงานเอกชน...