"บิ๊กเต่า" เปิดเผยความคืบหน้าคดี "ทนายบอสพอล" ฟ้องร้องนักร้อง โดยยืนยันว่ามีความชัดเจนในระดับหนึ่ง พร้อมเตือนให้ตรวจสอบหลักฐานก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ
"บิ๊กเต่า" เปิดเผยความคืบหน้าคดี "ทนายบอสพอล" ฟ้องร้องนักร้อง โดยยืนยันว่ามีความชัดเจนในระดับหนึ่ง พร้อมเตือนให้ตรวจสอบหลักฐานก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ได้เข้าแจ้งความเอาผิดกับ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง และนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้เรียกประชุมเพื่อเร่งรัดการดำเนินการในหลายคดี โดยเน้นความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งในวันนี้ทนายบอสพอลได้เข้ามาร้องทุกข์กับบก.ปอท. ในสองเรื่อง คือการแจ้งความเอาผิดกับน.ส.กฤษอนงค์ และการร้องเรียนเอาผิดกับนายเอกภพ นอกจากนี้ยังมีการร้องเรียนกับบก.ป. เพื่อให้สืบสวนกรณีการเรียกรับเงินจำนวน 7.5 ล้านบาท นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือที่รู้จักกันในชื่อทนายตั้ม ก่อนที่จะมีการจับกุมบอสพอล พบว่ามีการติดต่อสื่อสารผ่านโทรศัพท์จากสำนักงานษิทรา ลอว์เฟิร์ม
เมื่อถูกถามใน 3 ประเด็นเกี่ยวกับการมีหลักฐานเพียงพอที่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนในระดับหนึ่ง โดยในเบื้องต้นจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ แต่เนื่องจากทนายของบอสพอลมีภารกิจหลายอย่าง จึงทำให้ไม่สามารถมาร้องทุกข์ได้ในวันนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะเร่งรัดทุกอย่างให้เร็วที่สุด
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับคลิปเสียงของนักการเมืองว่าจะเข้าข่ายความผิดหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตนได้รับข้อมูลว่าดีเอสไอพบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองดังกล่าว แต่ยังไม่ได้เห็นหลักฐาน จึงไม่อยากให้ความเห็นในเรื่องนี้ และขอให้เป็นหน้าที่ของดีเอสไอก่อน หากพบพยานหลักฐานจริง ดีเอสไอก็จะต้องเพิ่มข้อหาฟอกเงินด้วย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติได้ฝากข้อความถึงนักเคลื่อนไหวที่ช่วยเหลือประชาชนว่า “ตำรวจมีความเข้าใจในบทบาทของจิตอาสาและชมรมต่างๆ ที่มุ่งช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ โดยไม่จำกัดความช่วยเหลือใดๆ ตำรวจพร้อมที่จะสนับสนุนในทุกเรื่อง แต่ขอให้ทุกท่านที่มีความประสงค์จะดำเนินการใดๆ ตรวจสอบพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบก่อน เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่พนักงานสอบสวน นอกจากนี้ยังขอแนะนำให้พูดคุยกับพนักงานสอบสวนก่อน หากมีหลักฐานที่ชัดเจน การให้ข้อมูลจะไม่ทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมาย เช่น คดีหมิ่นประมาทหรือพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์”
“สำหรับผู้ที่ชอบออกนอกกรอบ ขอเตือนว่าไม่ควรทำเช่นนั้น เพราะอาจนำไปสู่จุดจบที่ไม่ดีในเร็วๆ นี้ การกระทำใดๆ ควรมีการคิดให้รอบคอบ เพราะเมื่อพูดออกไปแล้ว อาจทำให้หลายองค์กรได้รับผลกระทบ เนื่องจากข้อมูลได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว และหวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนให้กับจิตอาสาได้เรียนรู้” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว