หมวดเก๊ ตบทรัพย์ โดนหมวดจริงจับเข้าซังเต
ช่วงหัวค่ำของวันที่ 30 ต.ค. 67เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ร่วมกันสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัว นายชลทิศ หรือ หมวดเจมส์ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ข้อหา "ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น" และถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมว่า "พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต"
พร้อมยึดของกลาง 4 รายการคือ
อาวุธปืน SIG SAUER ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก
กระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 12 นัด
บัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ปลอม) ปรากฏชื่อและใบหน้าของคนร้าย จำนวน 1 ใบ
เครื่องแบบตำรวจ จำนวน 2 ชุด และเสื้อเกราะกันกระสุด จำนวน 1 ชุด
เนื่องจาก นายชลทิศ อดีต รปภ ใฝ่ฝันอยากเป็นชายในเครื่องแบบ ตระเวนหาซื้อเครื่องแบบตำรวจมาสวม ตัดผมสั้นเกรียน แล้วมักทำทีสวมเสื้อเกราะ สวมอุปกรณ์ยุทธวิธี ให้เหมือนตำรวจ สร้างโปรไฟล์ว่าตนเป็นชุดเฉพาะกิจ ปะฉะดะ ปัจจุบันปลอมตัวเป็นสายสืบตระเวนกรรโชกทรัพย์ ล่าสุดมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.บางมด พร้อมกับมอบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 67 เวลาประมาณ 16.00 น. ขณะที่ผู้เสียหายอยู่ในบ้านพัก มีชายแต่งกายคล้ายสายสืบ อ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่จาก “สืบนครบาล” ชื่อว่า “หมวดเจมส์” เข้าไปจับกุมผู้เสียหายที่อยู่ในบ้านพัก โดยอ้างว่ามีน้ำกระท่อม 3 ขวด ก่อนจะเรียกเงินจำนวน 3,000 บาท จากผู้เสียหาย โดยข่มขู่ว่าหากไม่จ่ายจะถูกจับกุมดำเนินคดี ผู้เสียหายจึงยอมจ่ายเงินสดให้กับคนร้ายไป 3,000 บาท แต่ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อคนร้ายข่มขู่ให้จ่ายค่าคุ้มครองแบบรายเดือนอีก 500 บาทต่อเดือน ก่อนจะออกจากบ้านผู้เสียหายไป
ต่อมามีการออกหมายจับสายสืบเก๊รายนี้ แต่การจับกุมไม่สามารถทำได้ง่าย เพราะจากการสืบสวนติดตามคนร้ายหลบหนีไปกบดานตามแหล่งชุมชนในพื้นที่ฝั่งธนบุรี พร้อมกับสั่งให้ลูกสมุนคอยสังเกตการณ์ดูตำรวจเข้าออกชุมชนตลอดเวลา ด้วยสมรภูมิสุดได้เปรียบของคนร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ได้พยายามเข้าไปจับกุมกว่าหลายครั้ง แต่ก็คว้าน้ำเหลวร่ำไป
ในชั้นจับกุม นายชลทิศ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองเป็นเหลนของเจ้าพระยาท่านหนึ่ง และตระกูลตนเป็นตระกูลชื่อดังมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีสายเลือดเจ้าหน้าที่ของบรรพบุรุษเข้มข้น จึงทำให้ตนเองอยากเป็นตำรวจ แต่ด้วยวัยเด็ก ตนเองเกิดมีลูกก่อนวัยอันควร ทำให้ไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องออกมาทำงานหาเงิน จนในปัจจุบันตนเองไม่สามารถสอบเข้าตำรวจได้แล้ว แต่ก็ยังมีความอยากเป็นตำรวจอยู่ดี จึงสมัครเป็น อปภร. อยู่สักพักหนึ่ง กระทั่งได้เรียนรู้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตนเองได้เบาะแสจุดร้านกระท่อมของผู้เสียหาย จึงเห็นช่องทางในการจะตบทรัพย์ จึงปลอมตัวเป็นสืบนครบาล โดยอ้างว่าตนเองชื่อ หมวดเจมส์ ทำทีเข้าไปจับกุม ก่อนจะเรียกรับเงินเป็นจำนวน 3,000 บาท แต่หลังก่อเหตุก็เกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้น ตนจึงหลบหนี โดยยืนยันว่าเคยก่อเหตุมาแค่ครั้งเดียวจริงๆ ไม่เคยก่อเหตุเช่นนี้มาก่อน”