นายกสภาทนายความสั่งสอบ ‘ทนายหิวแสง’ ยืนยันจะไม่ปล่อยผ่านแน่นอน
นายกสภาทนายความได้สั่งการให้มีการสอบสวนทนายหิวแสง พร้อมยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ โดยขอให้ประชาชนมั่นใจว่านี่เป็นเพียงกลุ่มบุคคลบางส่วนที่สร้างปัญหา และจะได้รับการจัดการอย่างแน่นอน
ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการดำเนินคดีมรรยาทของทนายโซเชียล หรือที่เรียกกันว่าทนายหิวแสง ว่าได้มีการประสานงานกับประธานกรรมการมรรยาทของสภาทนายความ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดกับทนายความที่มีพฤติกรรมผิดมรรยาทอย่างจริงจัง รวมถึงเร่งรัดการพิจารณาคดีมรรยาทที่ทนายโซเชียลได้ละเมิดข้อบังคับของสภาทนายความ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรและสมาชิกทนายความส่วนใหญ่ หากมีข้อเท็จจริงปรากฏตามสื่อต่างๆ ก็สามารถนำมาใช้เป็นคดีมรรยาทได้ทันที เนื่องจากเป็นเรื่องที่ชัดเจน
ในการพิจารณาคดีเกี่ยวกับมรรยาทนั้น จะเป็นหน้าที่ของประธานกรรมการมรรยาทและกรรมการมรรยาทของสภาทนายความ โดยเมื่อคณะกรรมการมรรยาทได้พิจารณาคดีจนเสร็จสิ้นแล้ว จะมีการส่งสำนวนคดีไปยังนายกสภาทนายความ เพื่อให้มีการนำเข้าสู่การพิจารณาอีกครั้งในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสภาทนายความ
คณะกรรมการบริหารสภาทนายความมีอำนาจในการออกคำสั่งหรือคำวินิจฉัย โดยสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการจำหน่ายคดี ยกข้อกล่าวหา ลดโทษ หรือเพิ่มโทษได้ตามความเหมาะสม เมื่อการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น นายกสภาทนายความจะส่งผลการพิจารณากลับไปยังประธานกรรมการมรรยาท เพื่อแจ้งให้คู่กรณีทราบถึงผลคดี
เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ประธานกรรมการมรรยาทจะทำการแจ้งคำสั่งลงโทษไปยังสำนักงานศาลยุติธรรมและเนติบัณฑิตยสภา เพื่อให้ทราบต่อไป โดยโทษที่สามารถลงแก่ทนายความที่กระทำผิดมรรยาทมีอยู่ 3 ประการ ได้แก่
- ภาคทัณฑ์
- ห้ามการเป็นทนายความไม่เกิน 3 ปี
- ลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ
หากทนายความคนใดมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการยักยอก ฉ้อโกง หรือการตระบัดสินลูกความ รวมถึงการกระทำที่ฝ่าฝืนศีลธรรมอันดี หรือทำให้ศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความเสื่อมเสีย ถือเป็นเหตุผลที่สามารถลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความได้
นอกจากนี้ การชักจูงให้พยานเบิกความเท็จ หรือการสร้างพยานหลักฐานที่ไม่เป็นจริง การอวดอ้างความสามารถเหนือกว่าทนายคนอื่น หรือการบอกว่ามีความสัมพันธ์กับบุคคลที่สามารถช่วยเหลือลูกความในทางพิเศษ นับเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการข่มขู่เพื่อให้ได้รับการว่าคดี หรือการเรียกรับเงินเพื่อวิ่งเต้นคดี การแย่งคดี หรือการละเลยคดี ก็ถือเป็นการประพฤติผิดมรรยาทเช่นกัน
สุดท้ายนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ามีเพียงทนายความบางคนเท่านั้นที่สร้างปัญหา และบุคคลเหล่านี้จะต้องได้รับการจัดการอย่างจริงจัง ขณะเดียวกัน ทนายความส่วนใหญ่มีความรักและเคารพในองค์กร พร้อมที่จะมอบความยุติธรรมแก่ประชาชน และร่วมกันรักษาองค์กรให้เป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป