"แม่น้องชมพู่" งานเข้า! กรมป่าไม้แจ้งจับ "รุกป่าสงวน" กว่า 5 ไร่
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในชั่วข้ามคืน เมื่อกรมป่าไม้ เข้าแจ้งความ ดำเนินคดี กับ "แม่น้องชมพู่" ฐาน "บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ" ป่าดงภูพาน ในพื้นที่ บ้านกกกอก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คุ้นเคยกันดีจากข่าวการเสียชีวิตของน้องชมพู่ เมื่อปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา โดยในครั้งนี้ มิใช่ ประเด็น การเสียชีวิต ปริศนา ของ น้องชมพู่ แต่ เป็น เรื่อง ของ การ บุกรุก ที่ดิน ของ รัฐ ซึ่ง ถือเป็น ความผิด ร้ายแรง
การ แจ้งความ ครั้งนี้ สืบเนื่อง มาจาก การ ตรวจสอบ ของ เจ้าหน้าที่ ป่าไม้ ที่ พบว่า มี การ บุกรุก พื้นที่ ป่าสงวน จำนวน 5 ไร่ 2 งาน เพื่อ ปลูก พืช ผล ทางการเกษตร เช่น กล้วย ทุเรียน และ หวาย โดย มี หลักฐาน ชี้ ว่า "แม่น้องชมพู่" เป็นผู้ครอบครอง และ ทำประโยชน์ ใน พื้นที่ ดังกล่าว ซึ่ง สร้างความ ประหลาดใจ ให้ กับ สังคม ไม่น้อย เพราะ ที่ผ่านมา "แม่น้องชมพู่" มักจะ ปรากฏ ตัว ใน ฐานะ "ผู้เสียหาย" จาก เหตุการณ์ การ เสียชีวิต ของ ลูกสาว แต่ ในครั้งนี้ เธอ กลับ ตกเป็น "ผู้ต้องหา" เสียเอง
นายชาญชัย เศรษฐสัมพันธ์ รอง อธิบดี กรมป่าไม้ เปิดเผย รายละเอียด เพิ่มเติม ว่า "จาก การ ตรวจสอบ พบว่า แปลง ที่ดิน ดังกล่าว อยู่ใน เขต ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงภูพาน ซึ่ง ประกาศ เป็น เขต ป่าสงวน มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2524 โดย มี วัตถุประสงค์ เพื่อ อนุรักษ์ ทรัพยากรป่าไม้ และ สิ่งแวดล้อม เป็น พื้นที่ ต้นน้ำลำธาร ที่ สำคัญ ของ ภาคอีสาน การ บุกรุก พื้นที่ ป่า เพื่อ ทำการเกษตร เช่นนี้ ส่งผลกระทบ ต่อ ระบบนิเวศ และ ความ สมดุล ของ ธรรมชาติ เป็นอย่างมาก"
"การกระทำ ของ แม่น้องชมพู่ จึง เข้าข่าย ความผิด ฐาน บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ตาม พระราชบัญญัติ ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ซึ่ง มี โทษ จำคุก ตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 15 ปี และ ปรับ ตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 150,000 บาท"
"เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ ได้ แจ้งความ ดำเนินคดี กับ แม่น้องชมพู่ ที่ สถานีตำรวจภูธร ดงหลวง พร้อม ทั้ง สั่ง ให้ ออกจากพื้นที่ และ รื้อถอน สิ่งปลูกสร้าง รวมถึง พืชผล ทางการเกษตร ทั้งหมด ออกจาก พื้นที่ ป่า ภายใน 30ใน บริเวณ ใกล้เคียง เพิ่มเติม เพื่อ ป้องกัน การ บุกรุก ป่า ใน รูปแบบ อื่นๆ ต่อไป"
"ทั้งนี้ กรมป่าไม้ ขอย้ำ ว่า จะ ดำเนินการ ตามกฎหมาย อย่าง เคร่งครัด กับ ผู้ ที่ บุกรุก ทำลาย ทรัพยากรป่าไม้ ไม่ว่า จะ เป็น ใคร ก็ตาม เพื่อ รักษา ผืนป่า อัน เป็น สมบัติ ของ ชาติ ให้ คงอยู่ สืบไป"