"เมียบิ๊กโจ๊ก" พ้นมลทิน! สอบปากคำ 4 ชั่วโมง ได้ประกันตัทนายลั่นฟ้องกลับคนปล่อยข่าว
คดีลักทรัพย์ที่พัวพันกับภรรยาของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือ "บิ๊กโจ๊ก" ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่สังคมจับตามอง หลังจากมีผู้กล่าวหาว่าเธอได้ลักทรัพย์สินมูลค่ากว่า 5.7 ล้านบาท ไปจากห้องพักในคอนโดมิเนียมหรูย่านห้วยขวาง
ล่าสุด ภรรยา บิ๊กโจ๊ก ได้ เดินทาง เข้า พบ พนักงานสอบสวน สน. ห้วยขวาง ตาม หมายเรียก เมื่อ วันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพื่อ ชี้แจง ข้อเท็จจริง และ แสดง ความบริสุทธิ์ใจ โดย มี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ทนายความชื่อดัง ร่วม เดินทาง ไป ด้วย ซึ่ง การ ปรากฏตัว ของ เธอ ในครั้งนี้ เป็นที่สนใจ ของ สื่อมวลชน และ ประชาชน เป็นอย่างมาก
การสอบปากคำเป็นไปอย่างละเอียด โดยใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างนั้น สื่อมวลชนจำนวนมากต่างเฝ้ารอทำข่าวและสัมภาษณ์ภรรยาบิ๊กโจ๊กและทนายความอย่างใกล้ชิด โดยมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
หลังการสอบปากคำเสร็จสิ้น ภรรยาบิ๊กโจ๊กได้รับการประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไข โดยทนายตั้มได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า "ภรรยาบิ๊กโจ๊ก" ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักทรัพย์ดังกล่าวแต่อย่างใด โดยได้นำเสนอพยานหลักฐาน เช่น บันทึกการเข้า-ออก คอนโด และ หลักฐาน การใช้จ่าย ใน วัน ที่ เกิดเหตุ เพื่อ ยืนยัน ว่า เธอ ไม่ได้ อยู่ ใน ที่เกิดเหตุ
"วันนี้ผมได้พาภรรยาบิ๊กโจ๊กมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งท่านก็ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมทั้งแสดงพยานหลักฐานบางส่วนเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจเบื้องต้น ซึ่งทางพนักงานสอบสวนก็อนุญาตให้ประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ" ทนายตั้มกล่าว
"หลังจากนี้เราจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของภรรยาบิ๊กโจ๊กให้กระจ่าง และจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่กุเรื่องสร้างข่าวเท็จ และทำให้ท่านเสียหายทั้งชื่อเสียงและเกียรติยศต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับการใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นในสังคม"
"การ ที่ มี คน ออกมา กล่าวหา ภรรยา บิ๊กโจ๊ก โดย ไม่มี หลักฐาน ที่ ชัดเจน นั้น สร้าง ความ เสียหาย ให้ กับ ท่าน เป็นอย่างมาก ทั้ง ด้าน ชื่อเสียง เกียรติยศ และ ความรู้สึก ซึ่ง เรา จะ ไม่ ยอม ให้ เรื่อง นี้ ผ่าน ไป ง่ายๆ อย่างแน่นอน เรา จะ ดำเนินคดี ทาง กฎหมาย จนถึงที่สุด เพื่อ ให้ ได้รับ ความ เป็นธรรม"
คดีนี้ยังคงเป็นที่จับตาของสังคม โดยหลายฝ่ายต่างรอคอยความจริงและความยุติธรรม ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่าบทสรุปของเรื่องราวนี้จะเป็นเช่นไร